
ถ้าพูดถึง ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือ ฉลากเบอร์ 5 คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะทุกครัวเรือนมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มักมีเจ้าฉลากตัวนี้ติดแปะอยู่ ไม่ว่าจะเป็น พัดลม เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เป็นต้น แล้วฉลากประหยัดไฟที่ว่านี้ บอกอะไรเราได้บ้าง ตาม KACHA ไปทำความรู้จักกันดีกว่า
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คืออะไร?
ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 คือ ฉลากที่บ่งบอกระดับการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลเบื้องต้นต่างๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ฉลากประหยัดไฟ จะมีระดับความประหยัดตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 โดยที่เบอร์ 5 หมายถึง ประหยัดไฟมากที่สุด คือ มีอัตราการประหยัดพลังงาน (Energy Efficiency Ratio : EER) มากกว่า 11.0 หน่วย

ผู้ออกฉลากประหยัดไฟในปัจจุบัน คือ กระทรวงพลังงาน ซึ่งจะมีตราของกระทรวงซ้อนอยู่บนฉลาก เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) จากเดิมออกโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งไม่มีโลโก้ใด ๆ เว้นแต่ปี ค.ศ. ที่ออกบนฉลาก
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 กระทรวงพลังงานได้ปรับปรุงฉลากประหยัดไฟใหม่ทั้งหมด โดยยกเลิกระดับความประหยัดเบอร์ 1 ถึงเบอร์ 4 คงไว้เพียงเบอร์ 5 แต่เพิ่มสัญลักษณ์ดาวที่จะระบุระดับคะแนนการประหยัดไฟเข้าไปแทน โดยยิ่งมีดาวมาก จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากขึ้นดวงละ 5-10% โดยฉลากประหยัดไฟชนิดติดดาว มี 4 ระดับ คือ เบอร์ 5, 1 ดาว, 2 ดาว และ 3 ดาว
“ฉลาก เบอร์ 5” บอกอะไรเราบ้าง?
การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ได้รับการรับรอง ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จะช่วยเราคำนวณค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อปี ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดมีประสิทธิภาพในการช่วยประหยัดพลังงานได้มากน้อยแค่ไหน
- ตัวเลขยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟ
- ฉลากมีการระบุปี ที่ทำการทดสอบค่าพลังงาน
- มีการระบุประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า
- มีลายน้ำสัญลักษณ์กระทรวงพลังงานตรงกลางฉลาก
- แสดงตัวเลขการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อปี และค่าไฟฟ้าต่อปี ซึ่งส่วนนี้ จะช่วยเปรียบเทียบว่ายี่ห้อไหนประหยัดได้มากกว่ากัน
- แสดงหน่วยงานที่กำกับดูแลด้วยสัญลักษณ์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกระทรวงพลังงานด้วยตัวอักษรสีขาวบนพื้นสีเขียว
- มีข้อมูลสำหรับสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ด้านล่างฉลาก
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กับเบอร์ 5 ติดดาว ต่างกันอย่างไร?

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ได้ทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟให้สูงขึ้นกว่า ฉลาก เบอร์ 5 เดิม เป็นฉลากประหยัดไฟเบอร์5 ติดดาว ซึ่งเปลี่ยนจากหมายเลขแสดงระดับการประหยัดพลังงานเป็นรูปดาวที่บอกว่าประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิม
ซึ่งฉลากเบอร์ 5 แบบเดิม แทนระดับการประหยัดไฟด้วยเลข 1-5 ยิ่งตัวเลขมีค่ามาก ก็จะยิ่งประหยัดไฟฟ้ามาก แต่สำหรับฉลากรูปแบบใหม่ จะต้องประหยัดเทียบเท่ากับเบอร์ 5 แบบเดิม และเพิ่มเติม คือ ดาว ตั้งแต่ 1-3 ดวง ดังนั้น ถ้าสินค้ายังได้ค่าความประหยัดพลังงานเทียบเท่าเบอร์ 5 เดิม เข็มก็จะชี้อยู่ที่เบอร์ 5 เท่านั้น แต่ถ้าเข็มชี้ที่ดาวมากดวง ก็แปลว่าจะยิ่งประหยัดไฟฟ้ามากขึ้นอีกนั่นเอง
วิธีคำนวณการใช้จ่ายต่อปี ทำได้อย่างไร?
วิธีคำนวณประมาณการค่าใช้จ่ายต่อปี เพื่อความมั่นใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเลือกประหยัดจริง ด้วยวิธีคิดง่าย ๆ ดังนี้
ค่าใช้จ่าย (บาท) = หน่วยพลังงานไฟฟ้า (kWh) × ค่าพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วย
ตัวอย่าง : การคำนวณหน่วยพลังงานไฟฟ้า (kWh) และการประมาณการผลการประหยัดค่าใช้จ่าย/ ปี ของเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU/hr. โดยทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานเบอร์ 5 และมาตรฐาน มอก.
- กำหนดให้เครื่องปรับอากาศใช้งาน 8 ชั่วโมง/วัน
- ค่าพลังงานไฟฟ้าต่อหน่วย = 3.28 บาท/หน่วย
การประมาณการผลการประหยัดค่าใช้จ่าย/ปี : ค่าใช้จ่าย (บาท) = 954.62 kWh × 3.28 บาท = 3,131.14 บาท
อ่านบทความ : วิธีคำนวณค่าไฟ ด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่ยากอย่างที่คิด!
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ ฉลากเบอร์ 5 ที่เรานำมาฝากกัน ต่อไปนี้ หากจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าลืมมองหาฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ สังเกตง่าย ๆ คือ ฉลากที่มี ดาว ปรากฏบนฉลาก ดาวยิ่งมาก ยิ่งประหยัดไฟ และเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ช่วยชาติลดการใช้ไฟฟ้า แต่ถ้าเราหมั่นล้าง หรือทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง แอร์ เครื่องซักผ้า หรือตู้เย็น เป็นประจำก็จะสามารถช่วยชาติประหยัดไฟได้อีกทางด้วย ????????
บทความที่เกี่ยวข้อง :
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025
บทความที่น่าสนใจ
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025