
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า “บัลลาสต์” กันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนคงยังไม่รู้จักว่ามันคืออะไร บทความนี้ KACHA จะพาทุกคนไปรู้จักบัลลาสต์ จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูกัน
บัลลาสต์ คืออะไร?
บัลลาสต์ (Ballast) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไปที่หลอดให้มีความเหมาะสม และสม่ำเสมอตามแต่ประเภท และชนิดของหลอดไฟ โดยส่วนมากใช้กับหลอดประเภทฟลูออเรสเซนต์ และหลอดประเภทคายประจุความดันสูง แบ่งออกได้ 2 ชนิด ดังนี้
บัลลาสต์แกนเหล็ก (Magnetic Ballast)
บัลลาสต์แกนเหล็กที่ใช้กันอยู่ทั่วไป จะเป็นชนิดความเหนี่ยวนำ แกนเหล็กประกอบขึ้นมาจากแผ่นเหล็กมาเรียงกัน และพันรอบด้วยขดลวดทองแดง มีการสูญเสียที่ 9-13 วัตต์ แล้วแต่คุณภาพของวัสดุ ขดลวดที่นำมาใช้และขนาดของหลอดไฟ ซึ่งจะทำให้บัลลาสต์มีอุณหภูมิใช้งานอยู่ที่ 55-70 องศาเซลเซียส ภายหลังมีการปรับปรุงคุณภาพบัลลาสต์ให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยมีความสูญเสียในแกนเหล็กต่ำ ไม่เกิน 6 วัตต์ อุณหภูมิใช้งานอยู่ที่ 35-50 องศาเซลเซียส แบ่งได้ดังนี้
- บัลลาสต์ขดลวดแกนเหล็กแบบธรรมดา เป็นบัลลาสต์ที่ใช้กันแพร่หลาย เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดที่พันรอบแกนเหล็ก จะทำให้แกนเหล็กร้อน ทำให้มีพลังงานสูญเสียประมาณ 20% ของพลังงานที่จ่ายให้ระบบแสงสว่างโดยเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 10-14 วัตต์ อุณหภูมิขณะการใช้งานจะอยู่ที่ช่วง 55 – 70 องศาเซลเซียส ให้ค่าประกอบกำลังต่ำ (pf)
- บัลลาสต์ขดลวดแกนเหล็กประสิทธิภาพสูง หรือบัลลาสต์โลลอส เป็นบัลลาสต์ที่ทำด้วยแกนเหล็ก และขดลวดที่มีคุณภาพดี ทำให้มีการสูญเสียพลังงานจะลดลงเหลือ 5-6 วัตต์ อุณหภูมิขณะการใช้งานต่ำกว่าแบบแกนเหล็กธรรมดาโดยจะอยู่ที่ช่วง 35-50 องศาเซลเซียส ให้ค่าประกอบกำลังต่ำ (pf)
ราคาต่ำ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก ทนต่อสภาพแวดล้อม เช่น แรงดันไม่คงที่ อุณหภูมิสูง ช่างติดตั้งได้ง่าย และคุ้นเคยเป็นอย่างดี หาซื้อได้ทั่วไป |
มีการสูญเสียในแกนเหล็ก ประมาณ 6-13 วัตต์ เกิดความร้อน มีเสียงรบกวน มีค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ต่ำ ที่ pf = 0.27-0.52 ใช้เวลาในการจุดหลอดประมาณ 2-3 วินาที มีการกระพริบ เมื่อหลอดไฟฟ้า บัลลาสต์ และสตาร์ทเตอร์เสื่อม ซึ่งนอกจากจะเปลืองไฟแล้ว ยังมีโอกาส ก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้อีกด้วย |
บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์
บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้คู่กับหลอดฟลูออเรสเซนต์ เพื่อทดแทนบัลลาสต์แบบแกนเหล็ก โดยอาศัยหลักการกระแสไฟฟ้าสลับความถี่สูง ในการลดการสูญเสียกำลังของบัลลาสต์แกนเหล็ก สามารถช่วยจุดหลอดได้โดไม่ต้องใช้ สตาร์ทเตอร์ บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปแล้ว จะมีค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ต่ำ จึงต้องใช้อุปกรณ์ปรับปรุงค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ร่วมด้วย โดยอยู่ในรูปของขดลวดเหนี่ยวนำ หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ลดการสูญเสียที่ตัวบัลลาสต์ประมาณ 8-9 วัตต์ (สำหรับหลอดฟลูเรสเซนต์ขนาด 18 และ 36 วัตต์) ไม่มีเสียงครางของบัลลาสต์ มีค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์สูง pf > 0.96 สามารถให้แสงสว่างได้ทันทีไม่มีการกระพริบและหรี่แสงได้ มีวงจัดตัดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อผิดปกติ อายุการใช้งานของหลอดมากขึ้น ใช้กับไฟฟ้ากระแสตรงได้ ไม่ต้องใช้บัลลาสต์ช่วยในการจุดหลอด |
ราคาสูง อายุการใช้งานสั้นกล่าบัลลาสต์แกนเหล็ก มีข้อจำกัดในการใช้งานในสถานที่ที่อุณหภุมิสูง มีฝุ่น ละอองน้ำ ไอน้ำมัน หรือแรงดันที่ไม่คงที่ มีข้อเสียเรื่องการกำจัดขยะ เนื่องจากไม่สามารถนำมา Recycle ได้เหมือนบัลลาสต์แกนเหล็ก |
บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ ที่เราได้ยิน ทำหน้าที่อะไร?
บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้สำหรับการต่อวงจรของหลอดฟลูออเรสเซนต์ โดยปกติแล้ว จะต้องใช้อุปกรณ์เสริม 3 อย่าง คือ บัลลาสต์ สตาร์ทเตอร์ และตัวเก็บประจุ จึงจะครบวงจร ซึ่งหน้าที่ของอุปกรณ์ทั้ง 3 ชิ้นนี้ คือ
- บัลลาสต์ชนิดขดลวด คือ บัลลาสต์ที่มีขดลวดพันอยู่บนแกนเหล็ก มีหน้าที่เพิ่มแรงดันในการจุดหลอดให้ติด และรักษากระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านหลอดให้เหมาะสมกับขนาดวัตต์ของหลอด
- สตาร์ทเตอร์ ช่วยในการเริ่มจุดหลอดฟลูออเรสเซนต์ให้ทำงาน
- ตัวเก็บประจุ มีหน้าที่เพิ่มค่าประกอบกำลัง (Power Factor) ของวงจร แต่บางครั้งก็ไม่ใส่ตัวเก็บประจุในวงจร เพื่อลดต้นทุนในการติดตั้ง

บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์เสีย ตรวจเช็คได้อย่างไร?
กรณีสตาร์ทเตอร์ สามารถเอาไปลองกับชุดหลอดอื่นได้เลย อาการเสียมี 2 แบบ คือ
- ถ้าสตาร์ทเตอร์ขาด คือ ใส่แล้วเหมือนไม่ใส่คือหลอดไม่กระพริบไม่มีอาการใดๆ
- ถ้าสตาร์ทเตอร์ช็อต คือ ใส่แล้วหลอดจะติดส้ม ๆ ที่หัวท้าย และจะค้างอยู่อย่างนั้นตลอด ไม่ติดสว่างตามปกติ กรณีนี้ อาจจะเกิดจากทิ้งไว้นาน เพราะบัลลาสต์จะร้อนจัดมาก ซึ่งการทดสอบแบบนี้ ไม่มีทางที่สตาร์ทเตอร์ จะไปทำอะไรอย่างอื่นเสียได้
กรณีบัลลาสต์เสีย มี 2 แบบอีกเช่นกัน คือ
- เสียแบบขดลวดขาด คือ ใส่แล้วหลอดไม่ติด ไม่มีไฟเข้า ไม่กระพริบใด ๆ เลย ถ้าเป็นแบบนี้ ถอดไปลองรางไฟอื่นก็ไม่ทำอะไรเสีย
- เสียแบบขดลวดช็อตรอบ คือ จำนวนรอบที่พันไว้รอบหลัง ๆ มันไปช็อทกับลวดรอบอื่น ๆ ที่พันไปก่อน ผลคือ จำนวนรอบที่เหลือในวงจรจะน้อยลง หากมันช็อตข้ามรอบมาก ๆ อาจทำให้มันเผาหลอดไฟได้ แต่โอกาสที่จะเป็นแบบนี้มันน้อยมาก ๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับบัลลาสต์ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ หวังว่าจะทำให้กับผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจและได้ความรู้ไม่มากก็น้อยบทความหน้า KACHA จะมีอะไรดี ๆ มาฝากอีกนั้น อย่าลืมติดตามกันด้วย
สินค้าแนะนำจาก KACHA
เรามีสินค้ามากมายให้เลือก สินค้าทุกชนิด ทุกชิ้น ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ พร้อมการรับประกัน และบริการหลังการขายที่ประทับใจ คลิกเลย ????
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025
บทความที่น่าสนใจ
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025