เมื่อคิดถึง “บ้านปูน” สิ่งแรกที่คิด คือ บ้านที่สร้างด้วยระบบ เสา-คาน-พื้น ก่อด้วยอิฐ และฉาบปูน โครงสร้างหล่อจากคอนกรีตเสริมเหล็ก และบ้านปูนเปลือยหรือบ้านสไตล์ลอฟท์ บ้านที่โชว์โครงสร้างและผนังปูนโดยไม่มีการนำวัสดุอื่นได้มาฉาบปิดทับตกแต่ง และบ้านปูนที่ก่อสร้างด้วยระบบ Precast ซึ่งเป็นระบบผนังรับน้ำหนักที่หล่อสำเร็จจากโรงงานนำมาประกอบที่หน้าไซส์งาน ในบทความนี้ KACHA จะพาไปรู้จักกับ บ้านปูน ข้อดี-ข้อเสียเป็นอย่างไรบ้าง
❝ ปัจจุบันการสร้างบ้าน มีระบบก่อสร้างที่หลากหลาย แต่ที่พบเห็นในประเทศไทยมากที่สุด คือ บ้านปูนและบ้านไม้ โดยบ้านไม้ส่วนใหญ่ จะพบเห็นในชนบท ส่วนบ้านปูจะพบเห็นได้ทั่วไป ขณะที่ระบบก่อสร้างใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคนี้ คือ บ้านปูนที่ก่อสร้างด้วยระบบ Precast และบ้านโครงสร้างเหล็กผสมปูน โดยระบบก่อสร้างที่แพร่หลายในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ คือ บ้านที่ก่อสร้างด้วยระบบ Precast ซึ่งจะพบเป็นได้ในโครงการบ้านจัดสรรทั่วไป ❞
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอิฐมอญ อิฐมวลเบา และผนังสำเร็จรูป
ปัจจัย | ผนังอิฐมอญ | ผนังอิฐมวลเบา | ผนังสำเร็จรูป |
---|---|---|---|
ความแข็งแรง | มากกว่าอิฐมวลเบา | น้อยที่สุด | มากที่สุด |
การป้องกันความร้อน | สะสมความร้อน แต่กันความร้อนดีกว่าอิฐมวลเบา หากก่ออิฐมอญ 2 ชั้น | ดี | สะสมความร้อน |
การป้องกันเสียง | ไม่ค่อยดี เว้นแต่จะก่ออิฐมอญ 2 ชั้น | ดี | ดีที่สุด |
คุณภาพผนัง | ขึ้นอยู่กับฝีมือของช่างที่ต้องมีประสบการณ์ | ขึ้นอยู่กับคุณภาพปูน และฝีมือของช่าง | ตามมาตรฐานคุณภาพของโรงงาน |
การต่อเติมและดัดแปลง | ง่าย ทำเองได้บ้างหากมีความรู้ และประสบการณ์ | ต้องอาศัยช่างที่ชำนาญ | ทำไม่ได้ หรือทำได้ยาก ต้องอาศัยวิศวกร และช่างที่ชำนาญโดยเฉพาะ |
ต้นทุนในการก่อสร้าง | ปานกลาง-สูง | ต่ำ | ต่ำ-ปานกลาง |
ระยะเวลาในการสร้างผนัง | ข้า | ปานกลาง | เร็ว |
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ทำไมบ้านปูนถึงเป็นที่นิยม
ความนิยมบ้านปูน ที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบ้านปูน มีราคาถูก และแข็งแรงมากกว่า เมื่อเทียบกับบ้านไม้นับวันราคามีแต่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันอายุการใช้งานของบ้านปูน ไม่ว่าจะเป็นบ้านปูนที่สร้างบนที่ดินของตัวเอง หรือบ้านปูนที่ซื้อจากโครงการบ้านจัดสรร ที่ปัจจุบันนิยมก่อสร้างด้วยระบบ Precast นั้น ด้วยโครงสร้างอาคารที่สร้างมาจากปูนซีเมนต์ ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานไม่ต่ำกว่า 50 ปี บางหลังหากดูแล และรีโนเวทอยู่เป็นประจำก็มีอายุใช้งานนับ 100 ปีเลยทีเดียว
ข้อดีของบ้านปูน เป็นอย่างไร?
- แบบบ้านปูนในปัจจุบัน มีให้เลือกจำนวนมาก เจ้าของบ้านสามารถออกแบบ และตกแต่งได้ตามชอบ
- ต้นทุนวัสดุก่อสร้างบ้านปูน ราคาไม่แพง แถมผลิตภัณฑ์ และชนิดของปูนในท้องตลาดปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย
- บ้านปูนสามารถปรับตัวกับสภาพอากาศร้อน อากาศเย็น เช่น กลางวันในหน้าร้อน บ้านปูนจะอยู่เย็นสบาย เพราะปูนช่วยดูดซับความร้อน และในหน้าหนาว ปูนจะป้องกันลมเข้าบ้านได้ดีทำให้ภายในบ้านอบอุ่น
- บ้านปูนเก็บเสียงได้ดี และยังป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกตัวบ้านได้ดีกว่าบ้านไม้ นอกจากนั้น บ้านปูนป้องกันฝุ่นละออง ควัน และกลิ่นต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามารบกวนคนในบ้านได้ดี
ข้อเสียของบ้านปูน เป็นอย่างไร?
- บ้านปูนโดยส่วนใหญ่ มักมีปัญหาสีหมองง่าย หลุดลอกร่อน ทำให้ผู้อยู่อาศัยต้องซ่อมบำรุง
- บ้านปูนมีความยืดหยุ่นน้อย ในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว บ้านปูนจึงเกิดผนังแตกร้าวได้ง่ายกว่าบ้านไม้ และบ้านโครงสร้างเหล็ก
- บ้านปูนจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นอับ และเกิดปัญหาเชื้อราบนผนังได้ง่าย โดยเฉพาะบ้านที่ไม่ได้ทาสีป้องกันเชื้อรา เพราะบ้านปูนระบายอากาศได้ไม่ดีนัก
- บ้านปูน หากได้รับการออกแบบไม่ดี หรือเลือกใช้โทนสีที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้บ้านดูมืดทึบ อยู่แล้วอึดอัด
- การเคลื่อนย้าย ปรับปรุง หรือต่อเติม บ้านปูนจะทำได้ยากกว่าบ้านโครงสร้างเหล็ก และบ้านไม้ โดยเฉพาะบ้านปูนที่ก่อสร้างด้วยระบบ Precast ซึ่งนิยมใช้ในโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งหากต้องการต่อเติมห้อง จะต้องมีวิศวกรคุมงาน ดูแลและให้คำปรึกษา หรือไม่ก็ต้องทุบทิ้งเพื่อสร้างใหม่
การดูแลรักษาบ้านปูน
สำหรับการดูแลรักษาบ้านปูนนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่า บ้านปูนจะมีปัญหาในเรื่องของความอับชื้น ทำให้เกิดปัญหาการเกิดเชื้อราได้ง่าย ดังนั้น เจ้าของบ้านจึงต้องหมั่นเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อช่วยในการระบายอากาศ และความชื้นภายในบ้าน ซึ่งจะลดปัญหาการเกิดเชื้อราบนผนังบ้าน แต่จะให้ดีเจ้าของบ้านควรทาสีป้องกันเชื้อรา ซึ่งจะดีกว่าการเลือกใช้วอลเปเปอร์ เพราะในระยะยาวจะเสี่ยงกับการเกิดปัญหาเชื้อราได้
ส่วนบ้านปูนเปลือยนั้น เนื่องจากต้องใช้เทคนิคการฉาบผนังปูน ที่ใช้เทคนิคความชำนาญเฉพาะทางด้วยการฉาบปูนไม่ให้เกิดรอยแตกลายงา และยังต้องวางแผนระบบท่อร้อยสายไฟไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยที่ต้องไม่ลืมว่าจะต้องเคลือบน้ำยาเคลือบผิว และต้านการดูดซึมน้ำทุก ๆ 1-2 ปี เพื่อป้องความชื้น และคราบสกปรกต่าง ๆ ที่อาจจะซึมเข้าเนื้อซีเมนต์จนเกิดเป็นรอยด่างได้ |
ขณะที่บ้านปูนที่ใช้ระบบ Precast ซึ่งโดยมากจะเป็นบ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรร ผู้ซื้อต้องทำใจยอมรับว่าในทุก ๆ 2-3 ปี อาจต้องมีการรีโนเวทสีบ้านใหม่ เพราะบ้านปูนระบบ Precast นั้นแม้จะมีข้อดีของความแข็งแรงของผนังมากกว่าบ้านปูนเปลือย และบ้านก่ออิฐฉาบปูนทั่วไป แต่เนื่องจากแผ่นผนังบ้านเป็นระบบที่ผลิตจากโรงงาน ผิวของผนัง จึงมีความเรียบมันมากกว่าผนังฉาบปูนธรรมดา ประกอบกับในเนื้อปูนซีเมนต์นั้นผสมน้ำยากันซึม ทำให้สีทาบ้านเกาะตัวได้ไม่ดี จึงเกิดการโป่งพองบนผิวผนังบ่อย ๆ ทำให้สีผนังบ้านภายนอกเมื่อถูกแดดนาน ๆ จะเกิดการหลุดล่อนเร็วกว่าบ้านปูนฉาบแบบธรรมดา |
บ้านไม้และบ้านปูน แตกต่างกันอย่างไร?
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า บ้านไม้และบ้านปูนมีความแตกต่างกัน ทั้งความสะดวกสบาย ความมั่นคงแข็งแรง และรู้ไหมว่า ข้อดี-ข้อเสีย บ้านไม้และบ้านปูน แตกต่างกันอย่างไร? เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนปลูกบ้าน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบบ้านแบบไหน เพราะบ้านเป็นที่อยู่อาศัยที่ต้องใช่ชีวิตอยู่ทุก ๆ วัน ดังนั้นการตัดสินใจเลือกซื้อบ้าน หรือสร้างบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
ข้อดี-ข้อเสีย บ้านไม้และบ้านปูน
- ความแข็งแรงทนทาน หากพูดถึงเรื่องความแข็งแรงทนทาน หลายคนต้องคิดว่าเป็นบ้านปูน แต่ความจริงแล้วบ้านไม้แข็งแรงมากกว่า ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหว บ้านไม้มีความยืดหยุดมากกว่าบ้านปูน แข็งแรง คงทนมากกว่า และที่สำคัญบ้านปูน สามารถเกิดรอยร้าวได้ง่าย แต่บ้านไม้ปัญหาก็เยอะเหมือนกันอย่างเช่น เรื่องปลวก แมลงต่าง ๆ
- ความสวยงาม ความสวยงามของบ้านไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้ หรือบ้านปูน ย่อมมีความสวยงามที่แตกต่างกันอยู่แล้ว แถมยังมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน บ้านไม้ดูมีความคลาสสิค บ้านปูนดูมีความเก๋ ทันสมัย ตกแต่งได้หลายสไตล์
- การถ่ายเทอากาศ สำหรับบ้านที่มีการถ่ายเทอากาศดี ย่อมเป็นบ้านไม้แน่นอน เพราะบ้านไม้มีช่องลมมาก ระหว่างช่องว่างไม้ หากช่วงหน้าหนาวจะมีความเย็นอย่างมาก แต่บ้านปูนไม่สามารถถ่ายเทอากาศได้ เพราะผนังมีความทึบ ไม่มีช่องว่างให้อากาศถ่ายเท หากต้องการให้มีลมเย็น ควรทำหน้าต่างบานใหญ่ ๆ
- ราคา ไม้ อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวัสดุอุปกรณ์บ้านไม้มีราคาที่สูงกว่าบ้านปูน เพราะหากเป็นบ้านไม้เนื้อดี เนื้อแข็ง ย่อมมีราคาที่สูงมาก
- ปัญหาเรื่องบ้าน บ้านไม้กับบ้านปูนมีปัญหาที่แตกต่างกัน หากเป็นบ้านปูน อาจพบกับปัญหาบ้านทรุด รอยร้าวตามผนัง เสาบ้าน คราบน้ำ คราบปูน หากเป็นบ้านไม้ จะพบกับปัญหาไม้เสื่อมสภาพ ปลวก แมลง ไม้ชื้นหากโดยน้ำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อบ้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านปูน บ้านไม้ หรือบ้านโครงสร้างเหล็ก ต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียที่ต่างกันออกไป ดังนั้น ในการเลือกซื้อบ้านผู้ซื้อควรศึกษาข้อดี-ข้อเสีย ของบ้านแต่ละแบบให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะหากซื้อไปแล้วไม่ถูกใจ จะขายเพื่อหาซื้อบ้านใหม่นั้น ปัญหาที่จะตามมาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยทีเดียว
>>สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย<<
บทความที่เกี่ยวข้อง :