
หากพูดถึงสิ่งที่จะยึดติดกับวัสดุต่าง ๆ นั้น เรามักจะนึกถึง “กาว” ซึ่งเป็นสิ่งที่ยึดติดกับวัสดุที่เราต้องการได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่แล้วเราจะคิดว่ากาวจะใช้กับงานเล็ก ๆ แต่ความจริงแล้วกาวนั้นค่อนข้างมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละชนิดนั้นจะขึ้นอยู่กับการใช้งานหากเราเลือกใช้งานไม่ถูกอาจจะทำให้คุณภาพของกาวนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่ วันนี้เราจะมาแนะนำกาวแต่ละชนิดกันว่ามีการใช้งานอย่างไรและเหมาะกับวัสดุแบบไหน ????
โดย กาว ส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมหลัก คือ โพลีเมอร์ (Polymer) ซึ่งจะประกอบด้วยหน่วยย่อยที่เรียกว่า โมโนเมอร์ (Monomer) มาเรียงต่อกันเป็นโมเลกุลสายยาว คล้ายกับนำคลิปหนีบกระดาษมาหนีบต่อกัน การที่กาวเหนียวได้นั้น ก็เนื่องมาจากโมเลกุลสายยาว ๆ ที่ว่านี้พันกันไปมานั่นเอง

???? กาว ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษราวปี ค.ศ.1750 โดยในครั้งนั้นได้ใช้ปลามาเป็นวัตถุดิบในการผลิตกาวขึ้นและต่อมาจึงได้มีการพัฒนาโดยการนำเอายางจากธรรมชาติ, กระดูกสัตว์, แป้ง, และโปรตีนจากนม เป็นต้น มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกาวชนิดต่าง ๆ ด้วยวิวัฒนาการที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
???? ชนิดของกาว มีอะไรบ้าง?

1) กาวติดผ้า (Fabric Glue)
ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับวัสดุที่เป็นผ้า โดยกาวชนิดนี้ขณะใช้จะไม่ทำอันตรายต่อผิวหนัง และใช้เวลาในการแห้งน้อย
2) กาวซูเปอร์กลู (Super Glue)
บางทีเราก็เรียกกาวชนิดนี้ว่า “กาว CA” ผลิตจากสารเคมีที่มีชื่อว่าไซยาโนอะคริเลต เป็นกาวที่มีคุณวมบัติติดยึดวัตถุได้ค่อนข้างแน่นและแห้งเร็ว ภายใน 10-30 วินาที โดยกาวเพียง 1 ตารางนิ้ว สามารถยึดติดวัสดุที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ได้อย่างสบาย ๆ ลักษณะของกาวจะมีลักษณะเป็นของเหลวหรือเจล สามารถนำไปใช้งานได้ทันที โดยถ้าเป็นชนิดเหลวจะใช้กับวัสดุจำพวกพลาสติก โลหะ ไวนิล ยาง และกระเบื้องเซรามิก ส่วนกาวชนิดที่เป็นเจล จะใช้กับวัสดุจำพวกไม้และวัสดุที่มีรูพรุนต่าง ๆ การนำไปใช้งานก็เพียงแต่หยดกาวลงพื้นผิวที่ต้องการจะยึดติดเท่านั้น ปัจจุบันมีให้เลือกมากหมายหลายยี่ห้อ เรียกกาวประเภทนี้ว่ากาวร้อน
3) กาวขาว (White Glue)
หรือเรียกว่า โพลีไวนิล อะซีเทต (Polyvinyl acetate, PVA) เนื้อของกาวมีลักษณะเป็นของเหลว ซึ่งสามาราถนำไปใช้งานได้ทันที เหมาะสำหรับงานกระดาษและงานไม้ งานซ่อมแซมภายในบ้าน งานเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งภายในและเซรามิก เนื่องจากเป็นกาวที่ไม่มีสารเป็นอัตรายมาก จึงสามารถให้เด็กใช้งานได้ เมื่อแห้งแล้วเนื้อกาวจะแข็งพอประมาณ เนื่องจากกาวชนิดนี้ละลายน้ำได้ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้กับงานที่ต้องสัมผัสน้ำ

4) กาวอีพ็อกซี่ (Epoxy Glue)
กาวชนิดนี้มีลักษณะพิเศษอยู่ที่ตัวกาวจะมี 2 ส่วนด้วยกัน โดยลักษณะของเนื้อกาวทั้งสองส่วนนี้จะมีลักษณะเหลวข้น บรรจุอยู่ในหลอดหรือกระบอกฉีดแบบคู่ เหมาะสำหรับนำไปใช้กับวัสดุจำพวกไม้ โลหะ กระเบื้อง แก้ว และวัสดุอื่น ๆ แถมยังสามารถยึดติดได้ดีกับวัสดุต่างชนิดกัน เช่น เหล็กกับแก้ว เป็นต้น ในการนำไปใช้งานจะต้องนำกาวทั้งสองส่วนมาผสมในอัตราส่วนที่เท่ากันเสียก่อน แล้วผสมหรือขยำให้เข้ากัน แล้วจึงนำไม้หรือเกียงโป๊สีปาดลงบริเวณที่ต้องการยึดติด โดยกาวจะแห้งภายใน 5 นาที ที่อุณหภูมิปกติ จนถึงข้ามคืนก็ขึ้นอยู่กับวัสดุ แต่เมื่อเนื้อกาวแห้งสนิทแล้วจะมีความแข็งแรงมาก บางชนิดแห้งช้า แต่จะมีแรงยึดสูงมากตัวกาวไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับพลาสติกจำพวกโพลีเอทีลีนหรือโพลีโพรพีลีน
5) กาวอะครีลิค (Acrylic Glue)
ตัวกาวจะมีอยู่ 2 ส่วนเหมือนกับกาวอีพ็อกซี่ แต่ส่วนหนึ่งเป็นของเหลวและอีกส่วนจะเป็นผง แต่ก็มีบางยี่ห้อได้ทำการผสมกันไว้ให้แล้ว จึงสะดวกมากในการใช้งาน กาวชนิดนี้เหมาะที่จะนำมาใช้ติดไม้ เหล็ก กระจกและเฟอร์นิเจอร์ภายนอกอาคาร คุณสมบัติของกาวคือ แห้งเร็วและยึดติดแน่น สำหรับการใช้งานนั้นจะต้องผสมตัวกาวทั้งสองส่วนให้เข้ากันเสียก่อน จากนั้น จึงนำไปทาที่ชิ้นงานทั้งสองชิ้นแล้วจึงนำมาประกบกันรอกาวแห้งประมาณ 5 นาที แต่ควรจะทิ้งไว้สักหนึ่งคืนเพื่อให้กาวเซ็ตตัว เมื่อกาวแห้งสนิทดีแล้วเนื้อกาวจะสามารถกันน้ำได้และติดแน่นมาก ๆ
6) กาวอะลิฟาติก (กาวเหลืองหรือที่บางคนเรียกว่ากาวยาง)
เป็นกาวสารพัดประโยชน์ เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์และงานซ่อมแซมต่างๆ ลักษณะของเนื้อกาวเป็นของเหลวหนืด สามารถใช้งานได้ทันที ในการใช้งานเมื่อนำไปทากับชิ้นงานที่ต้องการแล้วกาวจะแห้งภายใน 1 ชั่วโมง แต่ควรจะทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้กาวยึดติดได้แน่นยิ่งขึ้น เนื่องจากกาวสามารถละลายน้ำได้ จึงไม่ควรนำไปใช้กับชิ้นงานกลางแจ้ง

7) กาวคอนแท็กซีเมนต์ (Contact Cement Glue)
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการติดวัสดุที่มีลักษณะเป็นซีเมนต์หรืออาจจะนำไปใช้กับวัสดุอื่นก็ได้ เช่น การติดกระเบื้องกับผนัง การติดพลาสติกกับไม้อย่างถาวร เป็นต้น สำหรับการใช้งานจะต้องทากาวกับพื้นผิวหรือวัสดุที่ต้องการติดยึดทั้งสองชิ้น ด้วยแปรงหรือลูกกลิ้งก่อนที่จะนำชิ้นงานทั้งสองมาประกบกัน เมื่อประกบกันปุ๊บก็จะติดกันปั๊บ
8) กาวหลอมร้อน (Glue Guns)
มีลักษณะเป็นแท่งกลมใสหรือขาว ขุ่นยาวและแข็ง ทำมาจากสารเคมีชนิดต่างๆ เช่น โพลิเอไมด์ (Polyamide), โพลิเอทิลีนไวนิลอะซิเทต (Polyethylene vinyl acetate) เป็นต้น กาวชนิดนี้จะต้องอาศัยปืนยิงกาวไฟฟ้าเป็นตัวช่วยในการละลายกาวจึงจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ตัวกาวเหมาะที่จะนำไปใช้ในงานที่ต้องการยึดติดอย่างรวดเร็วและไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก เช่น งานเฟอร์พิเจอร์ ของเล่น รองเท้า พรมเป็นต้น
????ในการใช้งานกาวหลอมร้อนนั้น เราจะต้องใส่กาวลงไปในปืนยิงกาวเสียก่อน จากนั้นเสียบปลั๊กของปืนยิงกาวรอประมาณ 3-5 นาที ให้ปืนยิงกาวร้อน แล้วนำปลายของปืนยิงกาวไปจ่อบริเวณที่ต้องการ จากนั้นกดไกปืนกาวจะค่อย ๆ ไหลออกมาจากปลาย ในการทากาวชนิดนี้ต้องใช้ความรวดเร็วก่อนที่กาวจะแข็งตัว สำหรับเทคนิคในการยึดติดชิ้นงานที่เป็นแนวยาวนั้น ให้ใช้ปืนยิงกาว ยิงกาวในลักษณะเป็นลูกคลื่นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงนำชิ้นงานมาประกบ แต่ถ้ายึดชิ้นงานที่เป็นแผ่นกาวก็ควรจะยิงให้เป็นแนวซิกแซก แล้วจึงรีบยึดชิ้นงานและกดไว้ประมาณ 30 วินาทีหรือจนกว่าจะแน่ใจว่ากาวได้แข็งตัวแล้ว

9) แถบกาวพันท่อ
เป็นแถบกาวที่ทำมาจากเทปล่อน บนแถบจะไม่มีกาวติดอยู่ ลักษณะของแถบกาวชนิดนี้จะเป็นแถบบางสีขาว ใช้สำหรับพันเกลียวท่อน้ำหรือท่อลมในระบบนิวเมตริก เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำและลม ใช้ได้ทั้งท่อโลหะและท่อพลาสติก PVC
10) กระดาษกาว
เป็นกระดาษสีน้ำตาลหรือสีขาว มีเนื้อเหนียวแน่นและเคลือบกาวไว้ด้านใน ใช้สำหรับงานชั่วคราวต่าง ๆ
11) แถบกาวชนิดโฟม 2 หน้า (Foam Mounting Tape)
ทำมาจากแผ่นโฟมที่สามารถยืดหยุ่นได้ โดยแผ่นโฟมนี้จะถูกเคลือบกาวเอาไว้ทั้งด้านในและด้านนอก ใช้สำหรับยึดชิ้นงานที่มีน้ำหนักไม่มากนัก
12) แถบกาวพันสายไฟ
ทำจากไวนิลบาง ทนความร้อนและยืดตัวได้เพื่อเป็นฉนวนป้องกันไฟรั่วหรือต่อสายไฟในกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่ควรนำไปใช้เป็นการถาวร เพราะเมื่อใช้ไปนาน ๆ เนื้อกาวที่เคลือบไว้ก็จะเสื่อมสภาพลง จนทำให้แถบกาวหลุดออกจากสายทองแดง อาจทำให้เกิดอันตรายจากไฟดูดหรือลัดวงจรได้
ข้อดีและข้อเสียของการใช้กาว ????
???? ข้อดีของการใช้กาวในการยึดติด
- สามารถในการเชื่อมติดยึดติดกับวัสดุได้หลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งองค์ประกอบของวัสดุ ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความหนาของวัสดุ เช่น แผ่นเหล็กบาง และแผ่นฟอยด์ ที่ไม่สามารถใช้วิธีการยึดติดด้วยวิธีอื่นได้เลย ก็จำเป็นจะต้องใช้กาวเข้ามาช่วย
- ใช้ได้กับพื้นผิวงานที่ไม่เรียบ ขรุขระ ที่ไม่สามารถใช้การยึดติดกันด้วยสกรูหรือรีเวท สามารถทำให้ยึดติดกันและดูสวยงามได้ด้วยการใช้กาว
- ใช้ได้กับพื้นผิวงานหรือวัสดุที่มีรูปร่าง รูปทรงสลับซับซ้อน ไม่สามารถยึดติดกันได้ด้วยวิธีอื่น สามารถใช้กาวในการยึดติดได้
- การกระจายแรงบนพื้นที่ที่ทากาวมีความสม่ำเสมอกันมากกว่าการใช้โบ๊ลท์ หรือการยิงรีเวทที่กระจายแรงเป็นจุด โดยเฉพาะกับวัสดุที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ จะทำให้ไม่เสียความแข็งแรงและยังทำให้ชิ้นงานมีน้ำหนักเบาและราคาประหยัดขึ้นด้วย รวมทั้งยังทำแผ่นรังผึ้งหรือแผ่นโฟม เป็นโครงสร้างภายในของผิวแผ่นเหล็กบาง เช่น ในโครงสร้างผนังรับน้ำหนัก (Honeycomb Sandwich Panel) ได้อีกด้วย
- การใช้กาวในการยึดติด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดแรงกระแทก และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับชิ้นงาน
- การใช้กาวทำให้น้ำหนักของชิ้นงานลดลงและยังไม่มีรูอีกด้วย ทำให้การบำรุงรักษาทำได้ง่าย
- วัสดุที่ไม่ทนทานกับความร้อน ก็สามารถยึดติดได้ด้วยกาว
- กาวมีคุณสมบัติที่ดีในการเป็นฉนวน และเคลือบผิวป้องกันความชื้นและสารเคมีอื่น ๆ ชั้นกาวสามารถเป็นฉนวนกันกระแสไฟฟ้า ความร้อน และเสียงอย่างดี ทั้งยังช่วยลดหรือป้องกันการเกิดสนิมกับวัสดุประเภทเหล็กได้อีกด้วย
- การใช้กาวทำให้ชิ้นงานมีความประหยัด ทั้งในการผลิตกระบวนการในการติดตั้ง ลดค่าใช้จ่ายในวัสดุอื่น ๆ ลดขั้นตอนการทำงานอื่น ๆ ทั้งยังมีน้ำหนักน้อยและมีความสม่ำเสมอกันอีกด้วย
???? ข้อเสียของการใช้กาวในการยึดติด
- การยึดติดด้วยกาวโดยการใช้ความร้อนที่อุณหภูมิสูง ๆ อาจจะทำให้เกิดความแตกต่างกันของการขยายตัวระหว่างตัวกาวเองกับพื้นผิวของส่วนที่ยึดติด ซึ่งก่อให้เกิดแรงดัน อาจทำให้รอยต่อแนวกาวมีปัญหาได้
- ความแข็งแรงของการยึดติดด้วยกาว อาจจะไม่สมบูรณ์หรือไม่ดีเหมือนกับการเชื่อมหรือการยึดติดโดยใช้เครื่องกล
- กาวต่างประเภทกัน จะมีคุณสมบัติในการรับแรงต่าง ๆ แตกต่างกัน บางประเภทมีคุณสมบัติในการรับแรงดึง เช่น กาวประเภทยาง ส่วนบางประเภทสามารถ รับแรงกดได้ เช่น กาวประเภทที่ใช้ความร้อนในการแข็งตัว
- ผลในระยะยาวของการใช้กาว อาจมีผลเสียต่าง ๆ ได้ เช่น จากความร้อน ความเย็น ความชื้น สารเคมี รังสีแสงอาทิตย์ และการเสื่อมสภาพทางชีววิทยา นอกจากนี้ การใช้กาวที่ไม่สอดคล้องเหมาะสมกับผิวงาน ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้เช่นกัน
- กาวที่ใช้น้ำยาทำละลายเป็นตัวประสานหลายชนิด สามารถติดไฟและยังเป็นสารพิษได้
- การรื้อโครงสร้างที่ติดด้วยกาวไปแล้ว ทำไม่ง่ายนัก ดังนั้น การซ่อมแซมจึงเป็นไปได้ยาก
- การควบคุมกระบวนการติดตั้งและการทำชิ้นงานตัวอย่างเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
- ต้องมีความชำนาญพิเศษในการติดตั้งด้วยกาว เช่น การเตรียมพื้นผิว การเลือกชนิดของกาว การคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของชิ้นงานในระยะยาว รวมทั้งการทำรายละเอียดต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากพอสมควร
❝ สำหรับใครที่กำลังมองหา “กาว” สำหรับงานต่าง ๆ นั้น สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามความเหมาะสมตามการใช้งานด้วย เพื่องานที่ราบรื่นและมีคุณภาพ ติดตามบทความดี ๆ อีกมากมายได้ที่นี่เลยจ้า ❞ ????
✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿ ✿
ปรึกษาหรือพูดคุยกับพวกเรา KACHA ได้ มีสินค้าเกี่ยวกับบ้านและอาคารมากมายให้เลือกซื้อ รวมถึงงานบริการต่าง ๆ ที่เดียวที่จะให้คุณได้ครบทุกความต้องการ ติดตามได้ที่ ???? https://www.kachathailand.com/ ???? 092-262-6250 หรือ ???? Facebook : Kacha Thailand
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025
บทความที่น่าสนใจ
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025