
โคมไฟติดผนัง โคมไฟตกแต่งบ้าน เลือกแบบไหนให้บ้านสวย ใช้ได้นาน
เพิ่มแสงสว่างให้กับพื้นที่ พร้อมตกแต่งบ้านให้น่าดึงดูดขึ้นด้วย “โคมไฟติดผนัง”
ไอเทมที่เป็นทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและของตกแต่งบ้าน ผ่านการออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร ติดตั้งไว้บริเวณไหนถึงจะเหมาะสมและสวยงาม ตาม KACHA ไปดูกัน!
ประเภทของ โคมไฟติดผนัง
1) Valance Lighting

Valance Lighting โคมไฟติดผนังภายในที่ให้แสงสว่างในแนวราบยาว เหมาะสำหรับการติดตั้งเพื่อช่วยให้แสงสะท้อนขึ้นไปบนเพดาน เพื่อให้เกิดความสว่างที่สบายตา ส่วนใหญ่นิยมติดไว้ตำแหน่งเหนือหน้าต่างของห้องทั่วไป ถ้าเป็นห้องครัวจะมักติดไว้ด้านล่างของคาร์บิเนตหรือลิ้นชักที่อยู่ติดผนังด้านบน เพื่อส่องแสงเฉพาะจุด เช่น มุมล้างจาน มุมทำอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังนิยมติดตั้งไว้ตรงกึ่งกลางของผนังตู้เสื้อผ้าของห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet เพื่อให้แสงสว่าง เพิ่มความสะดวกในการแต่งตัว
2) Bracket Lighting

Bracket Lighting โคมไฟประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นตัวโคมยื่นออกจากผนัง เมื่อติดตั้งแล้วจะส่องกระทบกับผนังด้านบนและด้านล่าง เน้นการใช้แสงสว่างได้แบบอเนกประสงค์ มีทิศทางการส่องสว่างทั้งแบบแนวตั้งและแนวดิ่ง เหมาะกับทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่าง นิยมใช้ในห้องนอนเป็นไฟอ่านหนังสือ ติดไว้ผนังของโถงทางเดิน โถงบันได และห้องอื่น ๆ เพื่อให้แสงสว่างตอนกลางคืน
3) Cove Lighting

Cove Lighting เป็นโคมไฟที่ติดไว้ด้านบนสุดของผนัง เพื่อให้แสงส่องขึ้นไปด้านบนกระทบกับเพดานโดยตรง เหมาะสำหรับบ้านที่มีเพดานต่ำหรือบ้านชั้นเดียว เพราะจะช่วยสร้างมิติให้ห้องดูสูงและโปร่งมากขึ้น ให้แสงสว่างโดยรวมทั่วห้องอย่างนุ่มนวล หากต้องการความสวยงามหลากหลาย อาจเลือกรูปแบบเส้นสายผสมผสานกับดวงไฟวงกลมบนเพดานกลางห้องนั่งเล่น ถ้าเป็นห้องนอนหรือห้องรับแขก อาจเลือกตำแหน่งของการติดตั้งไว้ที่ผนังด้านใดด้านหนึ่ง หรือผนังด้านบนหัวเตียงหรือโซฟาเพื่อความมีมิติสวยงาม เป็นต้น
4) Canopy Lighting

Canopy Lighting โคมไฟติดผนังภายใน มีลักษณะคล้ายกล่องโคมไฟแบบปิด นิยมติดให้ยื่นออกจากผนังหรืองานสถาปัตยกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่มักติดตั้งตามห้องน้ำ บริเวณพื้นที่แต่งตัว เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า และที่นิยมกันมาก คือ การนำไปตกแต่งพื้นที่ในโซนกึ่งเอาดอร์ที่เชื่อมกับตัวบ้านด้วยการติดตั้งที่ผนังเพื่อกระจายแสง โดยอาจเพิ่มลูกเล่นให้สวยงามมากขึ้น ด้วยการนำหลอดไฟกลมหลากสีสันมาตกแต่งร่วมด้วย
5) Cornice

Cornice เป็นโคมไฟติดผนังที่ยื่นออกมาจากผนังเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นไฟที่ติดตั้งแบบถาวร ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการเคลื่อนย้ายจุดที่ให้แสงไฟบ่อย โคมไฟประเภทนี้มีการออกแบบรูปลักษณ์ให้ทันสมัย เข้ากับบ้านโมเดิร์นหรือบ้านยุคใหม่อย่างลงตัว ใช้งานได้ทั้งแบบ Direct Light หรือ Indirect Light นิยมนำไปติดตั้งกับผนังด้านล่างที่ติดกับพื้น เพื่อให้แสงสว่างยามค่ำคืน โดยแสงไฟจะส่องขึ้นทิศทางข้างบน นอกจากนี้ หลายคนยังติดไว้ที่ผนังห้องโถงทางเดินเข้าบ้าน ผนังนอกบ้าน และบริเวณทางเดินรอบบ้าน เพื่อเพิ่มความสว่างและความปลอดภัยในระหว่างการเดินอีกด้วย
6) Luminous wall panels

Luminous wall panels เป็นโคมไฟติดผนังแบบซ่อน จุดเด่น คือ เป็นกล่องแบบปิดที่ฝังลงในผนัง บางดีไซน์อาจทำหน้าที่เป็นผนังในตัวด้วย ถือเป็นเทคนิคการซ่อนไฟอีกวิธีหนึ่ง ช่วยประหยัดพื้นที่ ให้แสงสว่างได้ดี อีกทั้งยังช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น เหมาะกับห้องขนาดเล็กหรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด
เทคนิคการเลือก โคมไฟติดผนัง

1) เลือกแบบไหนให้บ้านสวย?
ปัจจุบันมีโคมไฟตกแต่งบ้านผลิตออกมามากมาย มีหลากหลายแบบให้เลือก เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการใช้งานและด้านการตกแต่ง เช่น โคมไฟสไตล์โมเดิร์น วินเทจ มินิมอล ฯลฯ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามต้องการ แต่ถ้าใครยังไม่มีไอเดีย ให้พิจารณาจากสไตล์การตกแต่งในพื้นที่นั้นว่ามีแนวทางแบบไหน แล้วเลือกโคมไฟให้เหมาะสมได้เลย นอกจากเลือกให้เข้ากับสไตล์ห้องแล้ว ตำแหน่งในการติดตั้งก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น ควรเลือกโคมไฟให้มีขนาดทั้งความกว้าง ความสูง หรือความยาวให้เหมาะกับผนัง ถ้าผนังมีพื้นที่แคบ อาจเลือกโคมไฟติดผนังที่มีขนาดเล็ก น่ารัก เพื่อไม่เกะกะหรือรกจนเกินไป หรือถ้าห้องไหนมีพื้นที่กว้างมาก ๆ ติดโคมไฟเพียงอันเดียวก็อาจจะดูน้อยเกินไป อาจจะติดเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม เพื่อความความสมบูรณ์แบบมากขึ้นได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ สีของหลอดไฟในโคมไฟตกแต่งที่มีทั้งสีวอร์มไวท์ (Warm White) สีนวลอ่อน ออกสีทอง ให้ความอบอุ่น สบาย ผ่อนคลาย, เดย์ไลท์ (Day Light) แสงไฟที่ให้ความสว่างสูง โทนสีฟ้า มองเห็นชัดเจน และคลูไวท์ (Cool White) โทนสีที่ผสมผสานระหว่างวอร์มไวท์และเดย์ไลท์ ให้ความสว่าง สะอาด มีชีวิตชีวา ปัจจัยที่กล่าวมานั้นมีผลต่อความสวยงามของโคมไฟทั้งสิ้น
2) เลือกแบบไหนให้ใช้ได้นาน?
การเลือกโคมไฟติดผนังหรือไฟตกแต่งบ้านให้คงทน ใช้งานได้ยาวนาน ต้องเริ่มจากเลือกวัสดุในการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองคุณภาพจากมอก. เลือกแสงสว่างให้เหมาะกับพื้นที่และไลฟ์สไตล์ของคนในบ้าน โดยปกติแล้วโคมไฟติดผนังจะเน้นไปที่การให้แสงไฟเฉพาะจุดและประดับตกแต่งพื้นที่ให้สวยงาม การติดตั้งจึงไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบและจุดติดตั้งเองได้ตามความชื่นชอบ แต่ถ้าต้องการยืดอายุการใช้งานของโคมไฟติดผนัง ต้องเลือกติดตั้งในบริเวณที่แสงแดด ฝน และความชื้นไม่สามารถเข้าถึงได้หรืออาจจะเข้าถึงน้อย เพื่อรักษาคุณภาพและยืดอายุการใช้งานของโคมไฟติดผนังหรือโคมไฟตกแต่งบ้านให้ได้มากที่สุด นอกจากนั้น การเลือกหลอดไฟก็เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยประหยัดไฟ หลอดแบบ LED เป็นชนิดหลอดไฟที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยประหยัดพลังงานและมีความปลอดภัยสูง มีอายุการใช้งานยืนยาวกว่าหลอดไฟชนิดอื่น ข้อสุดท้ายที่สำคัญมาก ๆ คือ ไม่ควรเปิดโคมไฟติดต่อกันนานเกินไป เพราะจะทำให้โคมไฟทำงานหนักจนระบบรวนหรือพังได้
สาระน่ารู้เกี่ยวกับโคมไฟติดผนัง
- ประเภทของแสง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- วอร์มไวท์ (Warm White) เป็นแสงไฟที่ให้ความสว่างไม่มากนัก สีนวลอ่อน ๆ ออกสีทองส้มให้ความอบอุ่น สบาย ผ่อนคลาย โรแมนติก เหมาะสำหรับประดับตกแต่งมากกว่าการใช้งานเพื่อความส่องสว่าง
- เดย์ไลท์ (Day Light) เป็นแสงไฟที่ให้ความสว่างสูง โทนสีฟ้า มองเห็นชัดเจน เน้นการใช้งานมากกว่าความสวยงาม เหมาะสำหรับออฟฟิศ สำนักงาน ห้องเรียน ห้องแต่งหน้า หรือในที่ที่ต้องการแสงสว่างมาก
- คลูไวท์ (Cool White) เป็นโทนสีที่ผสมผสานระหว่างวอร์มไวท์และเดย์ไลท์ ให้ความสว่าง สะอาด มีชีวิตชีวา เหมาะกับทุกสถานที่
- ทิศทางแสง แบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้
- Direct แสงที่ส่องโดยตรง ให้ความสว่างโดยรวม
- Indirect แสงที่ส่องทางอ้อม กระจายแสงไปรอบ ๆ ห้อง ให้แสงที่นุ่มนวลกว่าแสงแบบ Direct
- Diffused แสงที่ส่องแบบกระจาย มักใช้ในโคมไฟที่ปิดมิดชิด เช่น โคมไฟทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทำหน้าที่กระจายแสงให้อ่อนและนุ่มลง สามารถจ้องมองได้โดยตรง
- Se-mi indirect แสงที่ส่องกึ่งทางอ้อม ให้แสงสว่าง 2 ทาง เช่น ส่องแสงลงพื้นด้านล่างประมาณ 60-90% แต่ยังคงกระจายแสงไปที่เพดาน 10-40 % เป็นต้น
เป็นอย่างไรบ้างกับบทความนี้ หวังว่าทุกคนจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโคมไฟติดผนังมากยิ่งขึ้น จนสามารถเลือกประเภทของโคมไฟให้เหมาะกับสถานที่ได้ ส่วนเทคนิคการเลือกดีไซน์และการออกแบบให้สวย สามารถเลือกตามสไตล์ของห้องและของตกแต่งอื่นได้เลย แต่อย่าลืมเลือกใช้หลอดไฟที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานด้วยนะ!
บทความที่น่าสนใจ :
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025
บทความที่น่าสนใจ
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025