เรียกได้ว่า อีกหนึ่งปัญหา ที่หลาย ๆ บ้านมักจะเจอ ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ อย่างเช่น “งูเข้าบ้าน” เป็นปัญหาใหญ่ สำหรับคนกลัวงูเลยทีเดียว เพราะเมื่องูเข้าบ้านมาแล้ว อาจจะไปซุกตัวอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งในบ้าน ไม่ยอมออกไปง่าย ๆ ยิ่งถ้าเป็นงูที่มีพิษ ยิ่งเสี่ยงจะเกิดอันตรายกับคนในบ้าน บทความนี้ KACHA จะมาแชร์ วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน กัน ตามไปดูกันเลย

สาเหตุงูเข้าบ้าน มีอะไรบ้าง?

  • มีแหล่งอาหาร หากบ้าน หรือสถานที่แห่งนั้น มีแหล่งอาหารงูที่อุดมสมบูรณ์ เช่น มีหนูชุกชุม หรือเลี้ยงสัตว์ตัวเล็ก ๆ เช่น นก ลูกไก่ อีกทั้งหากมีสวนที่หญ้ารก หรือต้นไม้อุดมสมบูรณ์ งูก็มักจะมาซ่อนตัว เพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยเหมือนกัน
  • ไม่มีสุนัขหรือแมว บ้านไหนที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง หรือมักไม่ค่อยมีคนอยู่บ้าน งูจะชอบมากเป็นพิเศษ เนื่องจากงูชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่มีศัตรูมาคอยก่อความรำคาญ ยิ่งหากเป็นหน้าฝน หรือมีน้ำท่วมขัง งูก็จะมุ่งตรงเข้าบ้าน เพื่อเลื้อยหาที่แห้ง ๆ ให้ซุกตัวนั่นเอง
  • มีมุมอับให้วางไข่ หากบ้านไหนมีมุมอับ ที่ไม่มีคนรบกวน งูมักจะเลือกเป็นพื้นที่อาศัย หรือวางไข่ เช่น ใต้ถุนบ้าน ใต้หลังคา ฝ้าเพดาน หรือในตู้ที่ไม่ค่อยเปิดใช้งาน เป็นต้น โดยงูจะเลือกบริเวณที่มีอุณหภูมิเหมาะสม มีความอบอุ่น และไม่มีกลิ่น หรือเสียงรบกวน
220914-Content-งูเข้าบ้าน02

ช่องทานไหนบ้าง ที่ทำให้งูเข้าบ้านได้

วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน ต้องเริ่มที่ช่องทางเข้าบ้าน เพราะงูเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่สามารถเดินทางได้ในเกือบทุกที่ ไม่ว่าจะในน้ำ หรือที่มีความลาดเอียงได้ถึง 90 องศาเลยทีเดียว แต่สำหรับตัวบ้านนั้น ช่องทางที่งู จะสามารถเดินทางเข้ามาในบ้านได้ มีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะรูใหญ่ รูเล็ก และบางช่องทางที่เราคิดไม่ถึง แต่หลัก ๆ ที่เรา จะคอยป้องกันได้ คือ

  • ประตู-หน้าต่าง
  • ช่องลมรอบตัวบ้าน
  • รอยร้าวรอบบ้าน
  • ชักโครก 

วิธีป้องกัน งูเข้าบ้าน ทำอย่างไร?

วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน พร้อมกับสาเหตุ ที่ทำให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้าน เอาไว้ป้องกันก่อนจะสาย เพื่อความปลอดภัยกัน ทำได้ดังนี้

1. น้ำมันกลิ่นฉุน

กลิ่นแรง ๆ ของน้ำมันเครื่อง น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันรถ จะทำให้งูไม่อยากย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะงู เป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ ดังนั้น ในช่วงหน้าฝน หรือหากพบเห็นงูมาป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ บ้าน ลองเอาน้ำมันกลิ่นแรง ๆ ไปราดไว้บริเวณรอบ ๆ บ้าน ก็จะช่วยไล่งูให้หนีไปทางอื่นได้

2. กรวด

กรวด หรือหินก้อนเล็ก ๆ หากนำมาโรยไว้รอบตัวบ้าน ก็จะทำให้งูเกิดอุปสรรคในการเลื้อย เพราะเมื่อเจอกับก้อนกรวด จนทำให้เลื้อยลำบาก งูก็จะเปลี่ยนใจไปที่อื่นในที่สุด

3. เลี้ยงสุนัข

แม้ดูแล้วจะเหมือนให้สุนัขเสี่ยงอันตรายแทน แต่ที่จริงแล้ว สุนัขมักจะไม่นิ่งเฉย หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาใกล้ ส่วนงู ก็เป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้น หากงูเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ ๆ บ้าน สุนัขก็จะส่งเสียงเห่า ทำให้งูตกใจ และหนีไปเอง บ้านไหนที่เลี้ยงสุนัขเอาไว้ จึงได้เปรียบในกรณีนี้ แต่หากเป็นงูขนาดใหญ่สุนัขก็อาจเกิดอันตรายได้

220914-Content-งูเข้าบ้าน03

4. แผ่นกันงู

เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สำหรับติดไว้ที่ผนัง หรือเสาไฟ เพื่อดักไม่ให้งูเลื้อยผ่าน เพราะแผ่นกันงูทำจากพลาสติก ที่มีความลื่นสูง จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการเลื้อย ซึ่งอาจทำให้งูตกลงมา หรือหมดแรงไปก่อน

5. ตาข่าย

การติดตั้งตาข่ายเอาไว้รอบบริเวณที่คาดว่า จะเป็นทางเดินของงู เพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน ก็จะช่วยดักงูไว้ได้อีกทาง ซึ่งตาข่ายที่นำมาติดตั้งนั้น ควรเลือกที่มีตาชิด ให้งู ไม่สามารถลอดผ่านได้ หรือใช้ตาข่ายดักปลาแทนก็ได้  งูก็จะติดอยู่กับตาข่าย ไม่เลื้อยเข้าไปในบ้าน

6. มุ้งลวด

นอกจากตาข่ายแล้ว มุ้งลวด ก็เป็นอีกอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันงูได้ ในกรณีที่อยากใช้ในการปิดทางเดิน ไม่ให้งูเลื้อยผ่าน ซึ่งมุ้งลวด อาจมีความแตกต่างตรงที่ไม่สามารถดักให้งูติดอยู่ได้ แต่ก็สามารถป้องกันขวางทางเอาไว้ได้เช่นกัน

อ่านบทความ: มุ้งลวด คืออะไร? มาทำความรู้จักก่อนติดตั้ง

7. กำมะถัน

แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า กำมะถัน ใช้กันงูได้จริงหรือไม่ แต่หลายบ้าน ก็นิยมใช้กำมะถันผสมน้ำ แล้วโรยเอาไว้รอบบ้าน เพื่อป้องกันงูเช่นกัน เนื่องจากเชื่อว่า กลิ่นฉุนของกำมะถัน จะทำให้งูเลี่ยงไปทางอื่น ซึ่งในกรณีนี้ อาจป้องกันงูไม่ได้ทุกชนิด และทุกตัว และอาจต้องโรยบ่อยในช่วงหน้าฝน เนื่องจากกลิ่นกำมะถัน จะจางหายไปได้ง่าย

8. หมั่นทำความสะอาดบ้าน

กำจัดหนู และสิ่งสกปรกในบ้าน จะช่วยไม่ให้งู มีแหล่งอาหาร และที่พักพิง ซึ่งเป็นวิธีป้องกันที่เริ่มจากต้นตอได้มากที่สุด ที่สำคัญควรหมั่นตัดหญ้า และดูแลสวนอย่างสม่ำเสมอ งูจะได้ไม่ใช้เป็นที่แฝงตัว อีกทั้ง ควรหาอะไรมาปิดรูท่อ หรือใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำเอาไว้ด้วย งูจะได้ไม่เลื้อยเข้าบ้านทางท่อระบายน้ำ และอย่าลืมดูรองเท้าก่อนใส่ทุกครั้ง เพราะในรองเท้าเป็นตำแหน่งที่งูมักเข้ามาซุกซ่อนอยู่

ความแตกต่างระหว่าง งูพิษ และ งูไม่มีพิษ 

งูที่เรามักเจอในบ้าน แบ่งได้ 2 ประเภทคือ

  • งูไม่มีพิษ เช่น งูแสงอาทิตย์ งูหลาม และงูเหลือม
  • งูมีพิษ เช่น งูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูทับสมิงคลา งูแมวเซา งูกะปะ และงูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง

ความแตกต่างระหว่าง งูพิษ และงูไม่มีพิษ นอกจากจะดูกันที่ภายนอกแล้ว งูทั้ง 2 ชนิดนี้ ยังมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน คือ โดยทั่วไปแล้วงูมีพิษ จะต่อสู้ เมื่อโดนทำให้โกรธ หรือตกใจ แต่หากเป็นงูไม่มีพิษ จะมีความดุร้ายมากเป็นพิเศษ ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ และสู้คนมากกว่า

ทั้งนี้ แผลที่เกิดจากงูมีพิษ และงูไม่มีพิษก็แตกต่างกัน หากถูกงูพิษกัด พิษของงู จะซึมเข้าไปในผิวหนัง เยื่อเมือก หรือดวงตา และทำลายระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ เนื้อเยื่อ เลือด เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ โดยเหยื่อที่ถูกกัด จะมีอาการที่สังเกตได้ เช่น อาการปวด บวม แดง บริเวณที่ถูกกัด คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก ฯลฯ นอกจากนี้ อาจถึงขั้นช็อก หมดสติ หรือเสียชีวิต 

เป็นอย่างไรกันบ้างวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน เบื้องต้นทำได้ง่าย ๆ ที่นำมาแชร์กัน อย่างไรก็ตาม การรักษาความสะอาด และจัดบ้านให้ระเบียบเรียบร้อย นอกจากจะป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้านแล้วยังทำให้บ้านสะอาด สวยงาม และน่าอยู่อีกด้วย น่าฝนแบบนี้ อย่าลืมนำวิธีดังกล่าวข้างต้นนี้ ไปเลือกใช้กันดูนะจ๊ะ

● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● ● 

KACHA ผู้จัดจำหน่าย เครื่องมือช่างราคาถูก และอุปกรณ์เสริม สำหรับช่างมืออาชีพ ราคาที่คุณจับต้องได้ รับรองสินค้าคุณภาพ บริการหลังการขายที่ประทับใจอย่างแน่นอน!!

เลือกดูสินค้าจาก KACHA คลิกเลย ????????

ขอขอบคุณข้อมูลจาก barascientificcallnorthwest, npic.orst.edu  และ ddproperty.com