
BOQ คืออะไร จำเป็นไหมในการก่อสร้างบ้าน?
❝ รู้ไหมว่า BOQ นั้น มีความสำคัญ และเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้เลย ในงานก่อสร้างบ้าน หรือต่อเติมบ้าน เพราะผู้ว่าจ้าง ที่เป็นเจ้าของบ้าน ถ้าไม่ใช่ช่างที่ชำนาญงานจริง ๆ หรือบุคคลที่ถูกว่าจ้างให้มาควบคุมงานก่อสร้าง จะไม่มีทางรู้เลยว่า รายละเอียดของวัสดุต่าง ๆ ที่นำมาใช้สร้างบ้าน ค่าแรง และปริมาณการทำงาน มีรายละเอียดอะไรบ้าง สิ่งที่จะบอกรายละเอียดเหล่านั้นได้ คือ BOQ นั่นเอง ❞
BOQ คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?

➤ BOQย่อมาจาก Bill of Quantities
คือ ใบแสดงราคาค่าวัสดุ และค่าใช้จ่าย ซึ่งจะระบุถึงรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงราคาของวัสดุต่าง ๆ รวมไปถึงค่าแรงในการก่อสร้างที่มีการตกลงว่าจ้างกัน ซึ่งBOQ นั้นจะออกให้โดยผู้รับจ้างออกแบบบ้าน ผู้รับเหมาสร้างบ้าน ซึ่งบางครั้งในBOQ ผู้รับเหมาก็จะใส่รายละเอียดของกำไรที่ได้จากการทำงานนั้นมาให้ดูด้วย
➤ ความสำคัญของ BOQ
BOQนั้นยังมีความสำคัญในด้านอื่น ๆ ที่สามารถให้ประโยชน์ต่อเจ้าของบ้าน ดังนี้
- สามารถใช้ BOQ เปรียบเทียบราคากลาง ก่อนการตกลงว่าจ้างผู้รับเหมารายไหน ให้ทำการก่อสร้าง หรือต่อเติมบ้าน ผู้รับเหมาจะต้องเสนอBOQ ก่อนเสมอ ซึ่งผู้ว่าจ้างสามารถนำรายละเอียดในBOQ ที่ได้รับการเสมอมาไปเปรียบเทียบกับราคาของผู้รับเหมารายอื่น ๆ ได้ เพื่อให้รู้ราคากลาง และมองหาผู้รับเหมาที่ให้ราคาตรงกับความต้องการมากที่สุด
- สามารถใช้ยื่นขอสินเชื่อ กับสถาบันการเงิน การเสนอBOQ แก่สถาบันการเงิน เพื่อประกอบในเอกสารการขอสินเชื่อนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากทางสถาบันการเงินจะใช้BOQ มาประกอบในการพิจารณาสินเชื่อ โดยดูว่าวงเงินค่าก่อสร้างในBOQ นั้นมีความสอดคล้องกับวงเงินที่เจ้าของบ้านมาขอสินเชื่อหรือไม่
- ทำให้รู้รายละเอียดของวัสดุ การที่ในBOQ นั้นจะมีรายละเอียดของวัสดุแต่ละประเภท ที่ใช้ในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถตรวจสอบคุณภาพ และจำนวน ของวัสดุต่าง ๆ ระหว่างการก่อสร้างได้จากการดูรายละเอียดในBOQ ว่าตรงกับวัสดุ ที่มีการทำมาใช้ก่อสร้างจริงหรือไม่ และยังสามารถใช้BOQ สำหรับเป็นเอกสารอ้างอิง ในการตรวจรับงาน ก่อนที่จะมีการส่งมอบงานที่เสร็จสมบูรณ์ได้อีกด้วย
การแยกประเภทของBOQ
สำหรับการก่อสร้างบ้าน 1 หลังนั้นมีรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้การรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้ในBOQ เพียงชุดเดียวอาจจะทำให้เกิดการผิดพลาดได้ ดังนั้น ในการนำเสนอBOQ ส่วนมากจะนำเสนอตามประเภทของงานก่อสร้างที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ได้แก่

- งานโครงสร้าง คือ การลงเสาเข็ม, เทพื้น, สร้างเสา, คาน
- งานหลังคา คือ การทำโครงสร้างหลังคา, มุงหลังคา, ติดฉนวนกันความร้อน
- งานผนัง คือ การก่อผนัง, การฉาบผนัง, ติดตั้งประตู, หน้าต่าง
- งานฝ้าเพดาน คือ การติดตั้งฝ้าเพดาน
- งานไฟฟ้า คือ งานเดินระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมไปถึง การติดตั้งหลอดไฟต่าง ๆ
- งานสุขภัณฑ์ คือ งานติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้น้ำ, อุปกรณ์ในห้องน้ำ
- งานระบบน้ำดี – น้ำเสีย คือ งานวางระบบนำดี, น้ำเสีย, น้ำทิ้ง, ระบบบำบัดน้ำ
- งานสี คือ งานทาสีภายนอก – ภายใน ตามที่ตกลงกันไว้ทั้งหมด
- งานอื่น ๆ คือ งานต่าง ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่ เช่น งานตกแต่งเพิ่มเติม
- ค่าแรงคนงาน คือ ราคาของค่าแรงคนงานทั้งหมด โดยจะคิดแยก หรือคิดรวมมาก็ได้
- ค่าดำเนินการ คือ ส่วนของผู้รับเหมา ที่จะคิดค่าดำเนินการต่าง ๆ ตามที่ตกลงกันไว้
เมื่อแบ่งBOQ ตามหมวดหมู่ต่าง ๆ แล้ว จะช่วยให้การตรวจสอบเป็นไปได้ง่าย และเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างผู้รับเหมา และผู้ว่าจ้างได้น้อยลง ทำให้สามารถทำงานต่อไปด้วยความราบรื่นได้มากขึ้น
การคำนวณBOQ สำหรับงานเล็ก
การสร้างบ้าน ถือ ว่าเป็นงานใหญ่ซึ่งผู้รับเหมาส่วนมาก จะมีการเสนอBOQ ที่เป็นมาตรฐานมาให้ แต่ถ้าเป็นการซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้านนั้น ส่วนมากจะเป็นผู้รับเหมารายเล็ก ที่ไม่มีความชำนาญในการคำนวณBOQ ดังนั้น ผู้ว่าจ้าง และผู้รับเหมา ต้องมีการพูดคุยถึงรายละเอียดในการก่อสร้างให้ชัดเจน ว่าจะจ้างเหมาในลักษณะอย่างไร จ้างรวมทั้งหมดโดยมีค่าวัสดุด้วย หรือจ้างเหมาแค่เพียงค่าแรง ส่วนวัสดุนั้น เจ้าของบ้านจะจัดหามาเอง เป็นต้น

โดยส่วนมากถ้าเป็นงานเล็กก่อนที่จะมีการจ้างงาน หรือพูดคุยกับผู้รับเหมานั้น ทางเจ้าของบ้านจะต้องพยายามคำนวณราคาวัสดุต่าง ๆ รวมถึงค่าแรงที่จะใช้ในการก่อสร้างแบบคร่าว ๆ ไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องคุยกับผู้รับเหมาจึงจะสามารถต่อรองราคา หรือรู้ว่าราคาที่ผู้รับเหมารายนั้นเสนอมามีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด
สิ่งที่เจ้าของบ้านควรรู้ เพื่อทำการประเมินราคาค่าก่อสร้างด้วยตัวเอง ต้องเริ่มจาก
- ต้องรู้จักประเภทของงานก่อสร้าง ลักษณะของงานสำหรับการก่อสร้างบ้านนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานโครงสร้าง, งานหลังคา, งานผนัง, งานสี, งานระบบไฟ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นการซ่อมแซมหรือต่อเติม ผู้ว่าจ้างควรรู้ประเภทของงานที่เราจะจ้างว่าเป็นงานประเภทไหน เช่น งานซ่อมแซมห้องน้ำจะเป็นงาน ระบบน้ำดี – น้ำเสีย, งานปูกระเบื้อง, งานสุขภัณฑ์ เป็นต้น
- ต้องรู้ขนาดพื้นที่ ก่อนที่จะจ้างผู้รับเหมามาทำงานนั้นควรรู้ขนาดพื้นที่คร่าว ๆ ของบริเวณที่จะต้องทำงานก่อสร้างก่อน โดยทำการวัดขนาดพื้นที่ให้ได้ออกมาเป็นตารางเมตร เพราะการคิดราคาในการรับเหมาก่อสร้างนั้นส่วนมากคิดเป็นตารางเมตร และเมื่อรู้พื้นที่ยังสามารถคำนวณปริมาณวัสดุต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
- ต้องรู้ราคาวัสดุ การสืบราคาวัสดุต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้งานนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพียงแค่เดินเข้าห้างสรรพสินค้าสำหรับเครื่องก่อสร้างแล้วเดินดูราคาวัสดุที่จะต้องใช้ หรือปรึกษาร้านอุปกรณ์ก่อสร้างใกล้บ้าน เพียงเท่านี้ก็จะได้ราคาวัสดุต่าง ๆ โดยประมาณมาแล้ว
- ต้องต่อรองราคาให้เหมาะสม เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจ้างงานกับผู้รับเหมา เมื่อผู้ว่าจ้างได้คำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ไว้ในใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต่อรองราคากับผู้รับเหมา โดยถ้าผู้รับเหมาเสนอราคามาสูงเกินกว่าที่คิดไว้มาก ควรถามว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง และพยายามต่อรองราคาให้ได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากผู้รับเหมาย่อมมีการบวกกำไรเข้าไปด้วย ส่วนผู้รับเหมาที่ให้ราคาต่ำกว่าการคำนวณของเราจนน่าตกใจนั้นให้ตัดทิ้งได้เลย เนื่องจากเมื่อเสนอราคาต่ำมากก็แนวโน้มที่จะทำงานได้ไม่เรียบร้อย และมีโอกาสที่จะทิ้งงานมากขึ้นด้วย ดังนั้น จึงควรเลือกผู้รับเหมาที่เสนอราคาอย่างเหมาะสม ไม่สูงมากจนเกินไป ไม่ต่ำจนเกินไป
ทำไมต้องจ่ายเงินเกินกว่าในBOQ
การก่อสร้างทุกครั้ง ไม่มีคำว่าตามงบประมาณพอดี สิ่งที่นำเสนอในBOQ นั้น คือ รายละเอียดต่าง ๆ ที่ตายตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระหว่างการก่อสร้าง จะมีปัจจัยต่าง ๆ ให้เจ้าของบ้านได้เสียเงินเพิ่มอยู่เสมอ โดยที่ไม่สามารถจะไปโทษผู้รับเหมาได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคต่าง ๆ ในการทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การเปลี่ยนแปลงวัสดุโดยที่ผู้ว่าจ้าง ความล่าช้าอันเกิดจากผู้ว่าจ้าง หรือการเปลี่ยนแบบก่อสร้าง เป็นต้น
การจ่ายเงินเพิ่มเติมจากBOQ ยกตัวอย่าง คือ ผู้ว่าจ้าง เกิดมีความชอบบานประตูอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกันที่ตกลงไว้ครั้งแรกในBOQ ทำให้ผู้ว่าจ้างต้องไปซื้อบานประตูอันนั้นมาใหม่ ในราคาที่สูงกว่าเดิม และอาจจะทำให้การติดตั้งใช้เวลามากขึ้น ก็จะถูกคิดค่าแรงเพิ่มขึ้น หรือผู้ว่าจ้างต้องการตกแต่งบ้านเพิ่มเติมทำให้ต้องเสียค่าวัสดุ และค่าแรงเพิ่มขึ้นนั่นเอง ????
กรณีในการที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มในเรื่องของวัสดุ หรือเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากที่มีการตกลงกันไว้ในBOQ แล้ว ผู้ว่าจ้าง และผู้รับเหมาต้องมีการตกลงพูดคุยกันให้ชัดเจน อาจจะมีการลงข้อความเป็นลายลักษณ์อักษร เพิ่มเติมแนบท้ายไปด้วย เพื่อความโปร่งใส และความสบายใจในการทำงานทั้ง 2 ฝ่าย

จะเห็นได้ว่าBOQ นั้นมีความสำคัญมากสำหรับการก่อสร้าง หรือต่อเติมบ้าน รวมไปถึงในกรณีที่ไม่มีBOQ นั้นจะสามารถคำนวณราคางานก่อสร้างได้อย่างไร และข้อดีของBOQ คือเป็นการควบคุมคุณภาพ และราคาในการก่อสร้างให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะตามที่ได้ตกลงกันไว้นั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เจ้าของบ้านเลือกนำไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
อ้างอิงข้อมูลจาก pstconcrete.com
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีใช้สกรู เลือกให้ถูก ขันให้เป็น งานแน่นไม่เสียหาย!
15 สิงหาคม 2025
งานช่างไม้ คืออะไร มีประเภทไหนบ้าง?
13 สิงหาคม 2025
สกรูสำหรับงานไม้ ต่างกับสกรูทั่วไปอย่างไร เลือกใช้ยังไงให้เหมาะสม?
13 สิงหาคม 2025
น็อตกันคลาย ใช้ยังไง ให้ถูกวิธี?
13 สิงหาคม 2025
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
บทความที่น่าสนใจ
วิธีใช้สกรู เลือกให้ถูก ขันให้เป็น งานแน่นไม่เสียหาย!
15 สิงหาคม 2025
งานช่างไม้ คืออะไร มีประเภทไหนบ้าง?
13 สิงหาคม 2025
สกรูสำหรับงานไม้ ต่างกับสกรูทั่วไปอย่างไร เลือกใช้ยังไงให้เหมาะสม?
13 สิงหาคม 2025
น็อตกันคลาย ใช้ยังไง ให้ถูกวิธี?
13 สิงหาคม 2025
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025