วิธีใช้สกรู เลือกให้ถูก ขันให้เป็น งานแน่นไม่เสียหาย!

อัปเดตเมื่อ วันที่ 2 กันยายน 2025

วิธีใช้สกรู เลือกให้ถูก ขันให้เป็น งานแน่นไม่เสียหาย!

จริง ๆ งานช่างถือเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการประกอบเฟอร์นิเจอร์ใหม่, แขวนรูปภาพบนผนัง, หรือซ่อมแซมสิ่งของ และในทุก ๆ งานช่าง “สกรู” คือพระเอกตัวจิ๋วที่ขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ! แต่หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหา เช่น สกรูขันไม่เข้า หัวรูด หรือเลือกสกรูผิดจนงานพัง บทความนี้เราจะพาไปดู วิธีใช้สกรู ตั้งแต่การเลือกใช้ที่ถูกต้อง ไปจนถึงเทคนิคต่าง ๆ จะมีอะไรบ้าง ตามเราไปดูกันเลยดีกว่า☺

วิธีใช้สกรู ที่ถูกต้อง มือใหม่ก็ทำได้!

สกรู คือ อุปกรณ์ยึดจับที่มีลักษณะเป็นเกลียว (ส่วนใหญ่เป็นเหล็ก) ที่เราใช้ขันเข้าไปในวัสดุต่าง ๆ เพื่อเชื่อมต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ข้อดีของสกรูคือเราสามารถขันเข้าและถอดออกได้ง่ายกว่าตะปู ทำให้เราสามารถแก้ไขหรือซ่อมแซมงานได้ในภายหลัง เราไปดูวิธีใช้สกรูกันเลยค่ะ

1. เลือกประเภทของสกรูให้ถูกกับชิ้นงาน

สกรูแต่ละประเภท

สิ่งนี้สำคัญที่สุด! ถ้าเลือกผิดตั้งแต่แรก งานก็อาจจะไม่แข็งแรงหรือเสียหายได้ง่าย ควรเลือกขนาด ความยาว และชนิดของสกรูให้ตรงกับวัสดุ (ไม้, โลหะ หรือพลาสติก) และเลือกสกรูที่เหมาะสม 

  • ความยาวของสกรู ควรสัมพันธ์กับความหนาของชิ้นงาน ถ้าสั้นไปจะยึดไม่แน่น แต่ถ้ายาวไปก็อาจจะทะลุชิ้นงานได้ โดยทั่วไปควรมีความยาวอย่างน้อย 2/3 ของความหนาของชิ้นงานชิ้นที่หนาที่สุด
  • ประเภทของสกรู
สกรูเกลียวปล่อย (Self-Tapping Screw)

สกรูเกลียวปล่อย (Self-Tapping Screw) เป็นสกรูที่มีปลายแหลมคล้ายตะปู มีเกลียวที่สร้างขึ้นมาเพื่อ “กัด” หรือ “ปล่อย” เกลียวลงไปในเนื้อวัสดุเอง นิยมใช้กับงานไม้ พลาสติก และโลหะแผ่นบาง ๆ ถ้าเป็นงานไม้ที่หนาหน่อย อาจจะต้องเจาะรูนำก่อนเพื่อไม่ให้ไม้แตก

สกรูปลายสว่าน (Self-Drilling Screw)

สกรูปลายสว่าน (Self-Drilling Screw) ปลายเหมือนดอกสว่าน ถูกออกแบบมาเพื่อเจาะวัสดุที่เป็นโลหะหรือเหล็กโดยไม่ต้องเจาะรูนำก่อน ใช้เชื่อมงานไม้กับโลหะหรือเหล็ก ช่วยประหยัดเวลาและขั้นตอน เหมาะกับงานที่ต้องการความรวดเร็ว

สกรูเกลียวมิล (Machine Screw)

สกรูเกลียวมิล (Machine Screw) ใช้เกลียวแบบมิล ซึ่งเป็นมาตรฐานเกลียวที่นิยมใช้งานทั่วไป มีลักษณะเกลียวละเอียดตลอดตัว ถูกนำไปใช้ในงานที่หลากหลายและต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ

สกรูหัวหกเหลี่ยม (Hex Cap Screw)

สกรูหัวหกเหลี่ยม (Hex Cap Screw) หัวมีลักษณะเป็นทรงหกเหลี่ยม ใช้ร่วมกับประแจในการขันให้แน่น เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการแรงบิด หรือขันสกรูมาก ๆ ทำให้วัสดุต่าง ๆ ติดกันแน่นขึ้น

สกรูหัวท็อกซ์ (Torx Screw)

สกรูหัวท็อกซ์ (Torx Screw) หัวสกรูมีลักษณะเป็นดาวหกแฉก นิยมใช้ในงานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิส มีให้เลือกด้วยกัน 2 ชนิด คือ แบบมีพินกลมตรงกลาง และ แบบไม่มีพินกลมตรงกลางบริเวณดาว

สกรูสำหรับงานไม้ (Wood Screw)

สกรูสำหรับงานไม้ (Wood Screw) คือ สกรูยึดไม้ที่ใช้สำหรับงานไม้โดยเฉพาะ มีลักษณะเกลียวหยาบและลึกกว่าสกรูทั่วไป ช่วยให้ยึดจับเนื้อไม้ได้อย่างมั่นคง ปลายแหลมคมทำให้เจาะไม้ได้ง่ายขึ้น

สกรูสำหรับงานคอนกรีต (Concrete Screw)

สกรูสำหรับงานคอนกรีต (Concrete Screw) เกลียวออกแบบมาเพื่อยึดเกาะกับวัสดุแข็งโดยเฉพาะ เหมาะกับงานยึดสิ่งของเข้ากับผนังปูน, พื้นคอนกรีต, หรืออิฐ และงานติดตั้งโครงสร้างหรือตกแต่งภายในที่ต้องยึดกับผนังแข็ง

จะเห็นได้ว่าประเภทของสกรูนั้นมีความแตกต่างกันตามการใช้งาน เราควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้งานพัง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน ประเภทของสกรู

2. มาร์คจุดและเจาะรูนำ (ถ้าจำเป็น)

มาร์คจุดและเจาะรูนำ ก่อนใช้สกรู

ใช้ดินสอหรือปากกามาร์คจุดที่ต้องการจะขันสกรูลงไป สำหรับงานไม้หรือวัสดุที่หนา 

  • โดยทั่วไปควรใช้ดอกสว่านขนาดเล็กกว่าขนาดสกรูเล็กน้อย เจาะรูนำเข้าไปในตำแหน่งที่จะขันสกรู จะช่วยให้สกรูเข้าได้ง่ายขึ้นและป้องกันไม้แตก

3. เลือกหัวไขควงหรือดอกไขควงให้ตรง

ข้อนี้สำคัญมากค่ะ ถ้าหัวไม่ตรงกันจะทำให้หัวสกรูรูดได้ง่าย 

  • เลือกหัวบิตให้ตรงกับหัวสกรู ดังนี้
ประเภทของหัวสกรู
  • สกรูหัวเตเปอร์ (Hex Socket Countersunk Head)/ Flat Head หัวสกรูเป็นทรงกรวยลาดเอียง มีรูหกเหลี่ยมตรงกลาง เหมาะกับงานที่ต้องการให้หัวสกรูจมลงไปในเนื้อวัสดุจนเรียบเสมอกัน เพื่อความสวยงามและไม่ให้ผิวงานสะดุดตา
  • สกรูหัวกลมนูน (Pan Head) และ สกรูหัวกลม (Round Head) หัวสกรูจะโค้งมนคล้ายกระทะคว่ำหรือครึ่งวงกลม เหมาะกับงานทั่วไปที่ต้องการแรงกดทับสูง แต่ไม่จำเป็นต้องให้หัวสกรูจมลงไปในเนื้อวัสดุ มักใช้ยึดแผ่นโลหะบาง ๆ, พลาสติก, หรือในงานประกอบที่ต้องการความแข็งแรง
  • สกรูหัวกระทะ (Truss Head) หัวจะแบนกว่าหัวกลมนูน แต่มีขนาดกว้างกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการแรงกดทับในพื้นที่กว้าง เช่น การยึดแผ่นป้าย, ยึดแผ่นวัสดุบาง ๆ เข้ากับโครงสร้าง เพื่อป้องกันไม่ให้แผ่นวัสดุฉีกขาด
  • สกรูหัวหลุม (Oval Head) หัวจะโค้งมนคล้ายหัวกลม แต่ตรงกลางหัวจะแบนและมีรูสำหรับขันสกรู เหมาะสำหรับงานที่ต้องการซ่อนหัวสกรูให้ดูเรียบร้อย เช่น งานตกแต่งภายใน หรือการประกอบเฟอร์นิเจอร์
  • สกรูหัวหกเหลี่ยม (Hex Head) หัวสกรูเป็นรูปหกเหลี่ยม ใช้ประแจหรือบล็อกในการขัน เหมาะกับงานที่ต้องการความแน่นหนาเป็นพิเศษ เช่น งานโครงสร้างเหล็ก, งานอุตสาหกรรม, หรือการยึดชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักมาก เพราะสามารถใช้แรงขันได้สูง
  • สกรูหัวหกเหลี่ยมติดแหวน (Hex Washer Head) และ สกรูหัวหกเหลี่ยมผ่า (Slotted Hex Washer) หัวสกรูหกเหลี่ยมที่มีแหวนรองในตัว หรือมีช่องสำหรับไขควงแบบผ่าเพิ่มเข้ามา เหมาะกับงานที่ต้องการการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม แหวนรองช่วยเพิ่มแรงกดทับและป้องกันไม่ให้หัวสกรูจมลงในเนื้อวัสดุ เหมาะสำหรับงานโครงสร้างเหล็ก, ยึดแผ่นไม้กับโครง, หรือการใช้งานทั่วไปที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ
  • สกรูหัวจม (Socket Cap Head) หัวทรงกระบอก มีรูหกเหลี่ยมอยู่ตรงกลาง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเรียบร้อยและต้องการให้หัวสกรูจมลงไปในเนื้อวัสดุ ใช้ประแจหกเหลี่ยมในการขัน สามารถขันได้แน่นกว่าสกรูหัวแบนทั่วไป นิยมใช้ในงานเครื่องจักรและงานอุตสาหกรรม
  • สกรูหัวกระดุม (Button Head) หัวโค้งมนคล้ายกระดุม มีรูหกเหลี่ยมอยู่ตรงกลาง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและเรียบร้อย เพราะหัวที่โค้งมนจะดูไม่แข็งกระด้างเท่าหัวจมแบบอื่น ๆ มักใช้ในงานประกอบเฟอร์นิเจอร์หรืองานตกแต่งภายใน

ถ้าใช้สว่านไฟฟ้า หรือ สว่านไขควงไฟฟ้า ควรปรับแรงบิด (Torque) ให้เหมาะ ไม่แรงเกินจนหัวสกรูพัง

4. ขันสกรู

ขันสกรู ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้ชิ้นงานพัง

ขันสกรู ให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้ชิ้นงานพัง โดยการขันเข้า ให้หมุนตามเข็มนาฬิกา (ขวาเข้า) ส่วนคลายออก ให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา (ซ้ายออก) โดยมีเทคนิคการขัน ดังนี้

  • ขันให้ตรง ไม่เอียง เพื่อป้องกันสกรูหัก
  • อย่าขันลึกเกินจนหัวสกรูจมลึกเกินความจำเป็น
  • อย่าขันแน่นเกินไป การขันแน่นเกินไปอาจทำให้หัวสกรูเสียหาย หรือทำให้วัสดุรอบข้างแตกได้ โดยเฉพาะกับไม้

เครื่องมือคู่ใจที่ใช้ขันสกรู มีอะไรบ้าง?

เครื่องมือคู่ใจที่ใช้ขันสกรู คือ ไขควง สว่านไฟฟ้า และ ดอกไขควง

การขันสกรูให้ได้ผลดีต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสม ซึ่งมีทั้งแบบใช้มือและแบบไฟฟ้า ได้แก่

  • ไขควง (Screwdriver) เครื่องมือพื้นฐานที่ทุกบ้านควรมี มีหลายแบบให้เลือกตามลักษณะหัวสกรู เช่น ปากแบน ปากแฉก (Phillips) หัวหกเหลี่ยม (Hex) และหัวท็อกซ์ (Torx) สิ่งสำคัญคือต้องเลือกหัวไขควงให้ตรงกับหัวสกรู เพื่อป้องกันหัวสกรูรูด
  • สว่านไฟฟ้า (Drill) สำหรับงานที่ต้องขันสกรูจำนวนมากหรือขันในวัสดุที่แข็ง สว่านไฟฟ้าจะช่วยประหยัดแรงและเวลาได้มาก ควรเลือกสว่านไร้สายแบบที่มีฟังก์ชัน “ขันสกรู” (Drill/Driver) ซึ่งจะช่วยควบคุมแรงบิดไม่ให้ขันแน่นจนเกินไป
  • ดอกไขควง (Driver Bits) ใช้เสียบเข้ากับสว่านไฟฟ้าเพื่อใช้ขันสกรู มีหลากหลายประเภทให้เลือกเหมือนกับหัวไขควง และควรเลือกดอกที่มีคุณภาพดีเพื่อป้องกันการสึกหรอ

เทคนิคการใช้สกรูให้มีประสิทธิภาพ

  • ใช้น้ำมันหล่อลื่นเกลียว (สำหรับไม้เนื้อแข็งหรือโลหะ) 
    • เทคนิคนี้จะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างสกรูและวัสดุ ทำให้การขันง่ายขึ้นและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ 
    • เหมาะสำหรับ งานช่างไม้ โดยเฉพาะไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ที่มีความหนาแน่นสูง หรือ งานโลหะ ที่แข็งและหนา การทาน้ำมันหล่อลื่นจะช่วยให้สกรูไม่ติดขัดระหว่างขัน เพื่อลดแรงขันและป้องกันเกลียวเสียหาย ลดความเสี่ยงไม้แตก
  • ใช้แหวนรอง (Washer) 
    • แหวนรองเป็นอุปกรณ์เสริมเล็ก ๆ ที่มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะในงานที่ต้องรับน้ำหนักหรือต้องการความมั่นคง ช่วยกระจายน้ำหนัก กระจายแรงกด ลดการกดทับวัสดุ เพิ่มความแข็งแรง เกาะยึดได้แน่นหนา 
    • เหมาะสำหรับงานที่ต้องยึดชิ้นส่วนขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน หรือเมื่อวัสดุที่ยึดมีความอ่อนนุ่ม เช่น ไม้บาง พลาสติก
    • แหวนรองบางชนิด เช่น แหวนสปริง จะช่วยป้องกันไม่ให้สกรูคลายตัวจากการสั่นสะเทือน
  • ขันสกรูแบบ Cross Pattern (สำหรับโครงสร้างหรือแผ่นขนาดใหญ่)
    • เทคนิคนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในงานประกอบเฟอร์นิเจอร์หรือการติดตั้งแผ่นวัสดุขนาดใหญ่ เพื่อให้ชิ้นงานแนบสนิทและไม่บิดตัว
    • เหมาะกับการขันสกรูในชิ้นงานที่มีพื้นที่กว้าง เช่น การยึดแผ่นไม้บนโครงสร้าง, การประกอบตู้, หรือการติดตั้งฝาครอบ
  • ขันสกรูย้อนกลับเล็กน้อย 
    • เทคนิคนี้เป็นเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้การขันสกรูราบรื่น ลดโอกาสเกิดความเสียหาย ป้องกันเกลียวเสียและละการกินเนื้อไม้ 
    • ใช้ได้กับงานทุกประเภท โดยเฉพาะงานที่ต้องเจาะรูนำไว้แล้ว

เทคนิคการแก้ไขสกรูหัวรูด ถ้าหัวสกรูรูด ให้ลองใช้หนังยางหรือเทปกาววางทับบนหัวสกรูแล้วใช้ไขควงกดให้แน่นก่อนขันออก วิธีนี้จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานให้ไขควงจับหัวสกรูได้ดีขึ้น หรือใช้ค้อนตอกช่วย สำหรับสกรูที่หัวรูดจนไม่สามารถใช้ไขควงหรือคีมได้แล้ว อาจจำเป็นต้องใช้ดอกสว่านเจาะเพื่อเอาสกรูออก

การใช้สกรูไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่การเลือกสกรูที่เหมาะสมกับงาน ไปจนถึงการใช้เครื่องมืออย่างถูกวิธี จำไว้นะคะว่า “งานจะออกมาดี เริ่มต้นที่การเลือกเครื่องมือและวัสดุที่ถูกต้อง” เมื่อเข้าใจหลักการเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นงานช่างเล็ก ๆ ในบ้านหรืองานใหญ่ ๆ ก็จะทำได้อย่างมั่นใจและได้ผลงานที่แข็งแรงสวยงามแน่นอนค่ะ 😄👍

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย