
อัปเดตเมื่อ วันที่ 3 กันยายน 2025
สว่านไขควงไฟฟ้า คืออะไร มีวิธีใช้อย่างไร?
สว่านไขควงไฟฟ้า คือ เครื่องมือไฟฟ้า ที่รวมเอาคุณสมบัติของ “สว่าน” และ “ไขควง” มาไว้ในเครื่องเดียว โดยตัวเครื่องจะทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เราไม่ต้องออกแรงหมุนเหมือนไขควงธรรมดา และมีความสามารถในการเจาะ ทำให้เราสามารถสร้างรูบนวัสดุต่าง ๆ เช่น ไม้ โลหะ หรือพลาสติก ได้ง่ายและรวดเร็วมาก ๆ เลยล่ะค่ะ
หัวใจสำคัญของ สว่านไขควงไฟฟ้า อยู่ที่ ระบบคลัตช์ (Clutch) หรือระบบปรับแรงบิด ซึ่งจะช่วยให้เราควบคุมแรงในการขันสกรูได้ง่าย ๆ เมื่อสกรูถูกขันจนแน่นพอดี ระบบคลัตช์จะหยุดหมุนโดยอัตโนมัติ ทำให้สกรูไม่ถูกขันจนแน่นเกินไปจนหัวรูดหรือวัสดุแตกเสียหาย เป็นคุณสมบัติของสว่านไขควงไฟฟ้าที่แตกต่างจากสว่านเจาะกระแทกทั่วไป
สว่านไขควงไฟฟ้าใช้ทำอะไรได้บ้าง?
สว่านไขควงไฟฟ้า ใช้งานได้ทั้ง งานเจาะ และงานขันสกรู/น็อต โดยขึ้นอยู่กับหัวดอกสว่านที่เปลี่ยนใช้ รวมถึงกำลังของเครื่อง เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์หลากหลายมากเลยค่ะ ไปดูกันเลยว่าใช้ทำอะไรได้บ้าง
- งานเจาะ ใช้เจาะรูบนวัสดุต่าง ๆ เช่น ไม้ พลาสติก โลหะ เหล็ก ปูน หรือผนังเบา (ขึ้นอยู่กับประเภทของสว่าน) เหมาะสำหรับงานติดตั้งหรือประกอบชิ้นงาน
- งานขันและคลายสกรู ใช้สำหรับขันสกรูเข้าและคลายสกรูออกได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ทำให้งานประกอบเฟอร์นิเจอร์ งานซ่อมแซม หรืองาน DIY ต่าง ๆ สะดวกขึ้นมาก
- ประกอบเฟอร์นิเจอร์ ใช้ขันสกรูประกอบตู้ โต๊ะ หรือชั้นวางของได้อย่างรวดเร็ว
- ติดตั้งของตกแต่งบ้าน ใช้เจาะรูเพื่อแขวนรูปภาพ ติดตั้งม่าน หรือชั้นวางของ
- งานซ่อมแซมทั่วไป ใช้ขันและคลายสกรูต่าง ๆ ในการซ่อมแซมสิ่งของภายในบ้าน
วิธีใช้ สว่านไขควงไฟฟ้า

บางคนอาจจะซื้อสว่านไขควงไฟฟ้ามาแล้ว แต่ยังไม่รู้วิธีใช้ที่ถูกต้อง ทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือทำให้ดอกสว่านพังเร็ว เราจะอธิบาย วิธีใช้งานสว่านไขควงไฟฟ้าง่าย ๆ ให้ทุกคนเองค่ะ
- เตรียมสว่านไขควงไฟฟ้าให้พร้อม
สำหรับรุ่นไร้สาย ให้ตรวจสอบแบตเตอรี่ ว่าชาร์จเต็มแล้วหรือยัง สำหรับรุ่นสายไฟ ให้ตรวจสอบสายไฟ ว่า ไม่มีรอยชำรุดใด ๆ
- เลือก ดอกไขควง/ดอกสว่าน ที่เหมาะกับงาน
เลือกดอกสว่านหรือดอกไขควงให้ตรงกับขนาดและประเภทของหัวสกรูหรือวัสดุที่จะเจาะ จากนั้นให้ใส่ดอกเข้าไปในหัวจับ (Chuck) แล้วหมุนล็อคให้แน่น (ตรวจสอบความแน่นโดยดึงดอกสว่านเบา ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันถูกยึดแน่นดีแล้ว ป้องกันดอกหลุดระหว่างใช้งาน)
- ตั้งค่าการใช้งาน
สว่านไขควงไฟฟ้าส่วนใหญ่มีวงแหวนสำหรับปรับโหมดและแรงบิด
- เลือกโหมด
- โหมดเจาะ (Drill Mode) ใช้สำหรับงานเจาะรูบนวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ โลหะ หรือพลาสติก เมื่อปรับไปที่โหมดนี้ ระบบคลัตช์จะไม่ทำงาน
- โหมดขันสกรู (Screwing Mode) ใช้สำหรับงานขันสกรู มีตัวเลขกำกับอยู่รอบๆ วงแหวน ยิ่งตัวเลขมาก แรงบิด (แรงหมุน) ก็จะยิ่งสูงขึ้น
- เลือกทิศทางหมุน หมุนตามเข็มนาฬิกา (Forward) เพื่อขันเข้า หมุนทวนเข็มนาฬิกา (Reverse) เพื่อคลายออก
- การตั้งค่าระบบคลัตช์ (Clutch) หรือระบบปรับแรงบิด (Torque) ควรเริ่มจากแรงบิดต่ำ ๆ ก่อนแล้วค่อยเพิ่มขึ้นตามความจำเป็น การตั้งค่าแรงบิดที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันหัวสกรูรูดหรือวัสดุแตกร้าว
- เลขน้อย ใช้กับงานเบา (ขันสกรูเล็ก, วัสดุนิ่ม)
- เลขมาก ใช้กับงานหนัก (สกรูใหญ่, ไม้แข็ง, โลหะ)
- โหมดสว่าน ใช้สำหรับการเจาะ
- ปรับความเร็วรอบ (Gear Speed)
สว่านบางรุ่นจะมีปุ่มให้ปรับความเร็วได้ 2 ระดับ
- เกียร์ 1 (ความเร็วต่ำ) เหมาะสำหรับงานขันสกรูที่ต้องใช้แรงบิดสูง ๆ เพื่อการยึดที่แน่นหนา
- เกียร์ 2 (ความเร็วสูง) เหมาะสำหรับงานเจาะที่ต้องการความเร็วในการหมุนสูง ๆ เพื่อให้เจาะวัสดุได้ง่าย
*เทคนิคการใช้งานสว่านไขควงไฟฟ้าให้ปลอดภัย*
- จับด้ามจับของสว่านให้กระชับและมั่นคง และวางดอกสว่าน/ไขควงให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
- อย่าออกแรงกดมากเกินไป ให้เริ่มด้วยแรงกดเบา ๆ ค่อยๆ กดไกสว่านเพื่อเริ่มการทำงานด้วยความเร็วต่ำ แล้วจึงเพิ่มแรงกดและปรับความเร็วให้เหมาะสม
- ควบคุมความเร็ว รักษาความเร็วให้สม่ำเสมอขณะเจาะหรือขันสกรู เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
- สวมแว่นตาและถุงมือป้องกันเศษวัสดุกระเด็น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสกรู/ดอกสว่านตรงกับงาน
- ปิดสวิตช์และถอดแบต (หรือปลั๊กไฟ) ก่อนเปลี่ยนดอก
ข้อดี-ข้อเสีย ของ สว่านไขควงไฟฟ้า
สว่านไขควงไฟฟ้าเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีประโยชน์มาก แต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนี้ค่ะ
ข้อดีของสว่านไขควงไฟฟ้า
- ทำงานได้หลากหลาย เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่รวมคุณสมบัติทั้งการเจาะและการขันสกรูเข้าไว้ในตัวเดียว ทำให้ไม่ต้องพกเครื่องมือหลายชิ้น เหมาะสำหรับงานช่างทั่วไปและงาน DIY ที่บ้าน
- ควบคุมแรงบิดได้ มีระบบคลัตช์ (Clutch) ที่ช่วยให้คุณตั้งค่าแรงบิดได้ตามต้องการ เมื่อสกรูถูกขันแน่นตามค่าที่ตั้งไว้ ตัวเครื่องจะหยุดหมุนเอง ทำให้หัวสกรูไม่รูดหรือวัสดุไม่เสียหาย
- ประหยัดแรงและเวลา ไม่ต้องออกแรงหมุนเหมือนไขควงธรรมดา ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้นและลดการใช้แรง โดยเฉพาะงานที่ต้องขันสกรูจำนวนมาก
- น้ำหนักเบาและกะทัดรัด ส่วนใหญ่สว่านไขควงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้จับถนัดมือ พกพาง่าย และเหมาะกับการทำงานในพื้นที่จำกัด
ข้อเสียของสว่านไขควงไฟฟ้า
- กำลังไฟจำกัด สว่านไขควงไฟฟ้ามีกำลังน้อยกว่าสว่านประเภทอื่น เช่น สว่านเจาะกระแทกหรือสว่านไฟฟ้าแบบมีสาย จึงไม่เหมาะกับงานเจาะวัสดุที่แข็งและหนามาก เช่น คอนกรีตหรือผนังปูน
- เหมาะกับงานเบาถึงปานกลาง ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไป หากต้องใช้งานหนักและต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เครื่องร้อนและมีประสิทธิภาพลดลง
- ต้องคอยชาร์จแบตเตอรี่ (สำหรับรุ่นไร้สาย) สำหรับรุ่นไร้สายที่ใช้แบตเตอรี่ การทำงานอาจต้องหยุดชะงักเพื่อรอการชาร์จไฟ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานเป็นเวลานานต่อเนื่อง
- ราคาสูงกว่าชุดไขควงธรรมดา โดยเฉพาะรุ่นแบรนด์ดี ๆ หรือรุ่นไร้สาย พร้อมแบตเตอรี่คุณภาพ จะมีราคาสูงกว่าสว่านไฟฟ้าทั่วไป
สว่านไขควงไฟฟ้า เหมาะกับสกรูประเภทไหน
สกรูที่เหมาะกับการใช้คู่กับสว่านไขควงไฟฟ้า ได้แก่สกรูเกลียวปล่อย สกรูปลายสว่าน ฯลฯ ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานกับสกรูหลายประเภท โดยเฉพาะสกรูที่ใช้ในงานช่างทั่วไปและงาน DIY เพราะคุณสมบัติในการควบคุมแรงบิด (Torque) ช่วยให้การขันสกรูเป็นไปอย่างแม่นยำและปลอดภัยค่ะ

สกรูเกลียวปล่อย (Tapping Screw) ใช้สำหรับงานไม้และงานเฟอร์นิเจอร์ เพราะสามารถเจาะเข้าเนื้อไม้ได้อย่างรวดเร็ว

สกรูปลายสว่าน (Self-Drilling Screws) เป็นคู่หูของสว่านไขควงไฟฟ้าที่เหมาะสมกันที่สุดเลยล่ะค่ะ เพราะสว่านไขควงไฟฟ้าจะช่วยควบคุมแรงในการเจาะและขันสกรูได้ในขั้นตอนเดียว ทำให้งานง่ายและรวดเร็วขึ้นมาก
สกรูที่ไม่เหมาะกับการใช้คู่กับสว่านไขควงไฟฟ้า
สว่านไขควงไฟฟ้าไม่เหมาะกับสกรูขนาดใหญ่มาก เช่น สกรูหัวหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ใช้ยึดโครงสร้างไม้หนักๆ เพราะแรงบิดของสว่านอาจไม่เพียงพอ ซึ่งงานประเภทนี้จะเหมาะกับการใช้ไขควงกระแทก (Impact Driver) มากกว่าค่ะ
การเก็บรักษา สว่านไขควงไฟฟ้า ทำได้ยังไง?

การเก็บรักษาสว่านไขควงไฟฟ้า ทำได้โดยการ ถอดทำความสะอาด จัดเก็บในที่ที่เหมาะสม ชาร์จแบตให้เต็ม (สำหรับรุ่นไร้สาย) และหมั่นตรวจเช็กเป็นระยะ ขั้นตอนเหล่านี้มักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมันสำคัญมากเลยค่ะ เพราะถ้าดูแลถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดปัญหาแบตเสื่อม/มอเตอร์พัง และทำให้เครื่องมือพร้อมใช้งานเสมอ
- ถอดทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน
หลังจากใช้งานเสร็จ ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่อง เพื่อกำจัดฝุ่น เศษไม้ หรือเศษวัสดุต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามซอกมุม โดยเฉพาะบริเวณหัวจับและช่องระบายอากาศ เพราะเศษผงเหล่านี้อาจเข้าไปสะสมในมอเตอร์และทำให้เครื่องร้อนเกินไปได้
- ควรถอดดอกสว่านหรือดอกไขควงออกจากหัวจับทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ จากนั้นให้หมุนหัวจับให้เข้าที่ และอาจจะทาน้ำมันหล่อลื่นหรือจาระบีบาง ๆ ที่หัวจับเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและช่วยให้การทำงานในครั้งต่อไปราบรื่น
- จัดเก็บในที่ที่เหมาะสม
- เก็บในกล่องหรือกระเป๋าเฉพาะ ควรเก็บสว่านและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ไว้ในกล่องหรือกระเป๋าที่มาพร้อมกับเครื่อง เพื่อป้องกันการกระแทกและป้องกันฝุ่น
- เก็บในที่แห้งและพ้นแสงแดด หลีกเลี่ยงการเก็บสว่านไว้ในที่ที่มีความชื้นสูงหรือโดนแสงแดดโดยตรง เพราะความชื้นอาจทำให้ชิ้นส่วนโลหะเกิดสนิมได้
- ดูแลแบตเตอรี่ (สำหรับรุ่นไร้สาย)
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม หลังจากใช้งานแล้ว ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป
- ไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อย ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้ค่ะ ควรนำมาใช้หรือชาร์จทุก 1 – 2 เดือน
- เก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ควรเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด เพราะจะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้
- ตรวจเช็กเป็นระยะ
หมั่นตรวจสอบหัวจับดอก (Chuck) ว่ายังหมุนล็อกได้แน่นหรือไม่ เช็กสายไฟ (ถ้าเป็นรุ่นมีสาย) ว่าไม่มีรอยขาดหรือฉนวนแตก และฟังเสียงมอเตอร์ ถ้าหากมีเสียงดังผิดปกติหรือมีกลิ่นไหม้ ควรหยุดใช้งานและส่งซ่อม
คิดว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงทราบกันแล้วว่า สว่านไขควงไฟฟ้า คืออะไร ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือช่างมืออาชีพ การรู้จักเครื่องมือช่างจะช่วยให้ทำงานช่างได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ! ลองนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ แล้วคุณจะสนุกกับการทำงานช่างหรืองาน DIY ที่บ้านมากขึ้นแน่นอนนน!😁
สำหรับใครที่มองหาน็อตและสกรูคุณภาพดี เพื่อนำไปใช้งานกับสว่านไขควงไฟฟ้า ติดต่อเซลล์ Kacha เพื่อรับเรทราคาส่งได้เลยค่ะ! เราพร้อมจัดส่งสินค้าทั่วประเทศ และมอบบริการที่ประทับใจอย่างแน่นอน
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย