พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้

พลาสติก PE (Polyethylene) คือ พลาสติกที่ผลิตจากกระบวนการโพลิเมอไรเซชันของเอทิลีน (Ethylene) ซึ่งเป็นแก๊สที่ได้จากกระบวนการกลั่นปิโตรเลียม ตัวพลาสติกมีลักษณะเบา ยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย ทนต่อความชื้น และสารเคมีบางประเภทได้ดี พลาสติก PE ถูกใช้อย่างกว้างขวางทั่วโลก เพราะราคาถูก ผลิตง่าย และมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม

เมื่อรู้ความหมายของพลาสติก PE แล้ว ต่อไปเราไปดูกันดีกว่าว่า พลาสติก PE มีกี่ประเภท แต่ละแบบมีคุณสมบัติและการใช้งานอย่างไร พร้อมเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่าพลาสติก PE แตกต่างจากพลาสติก PP อย่างไรบ้างค่ะ

พลาสติก PE มีกี่ประเภท?

พลาสติก PE มี 3 ประเภท แบ่งออกตามความหนาแน่นและโครงสร้างโมเลกุล ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติ และเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป เราจะพาไปรู้จักแต่ละประเภทอย่างละเอียด ดังนี้ค่ะ

1. LDPE (Low-Density Polyethylene)

LDPE มีโครงสร้างโมเลกุลแบบกิ่งก้าน ทำให้วัสดุนิ่ม ยืดหยุ่นสูง ไม่เปราะ และมีความโปร่งใส จุดหลอมเหลวอยู่ที่ประมาณ 105–115°C เหมาะกับงานที่ไม่เจอความร้อนสูงแต่ต้องการความเหนียวและยืดหยุ่นดี

การใช้งานของ LDPE

ฟิล์มห่อของ
ถุงพลาสติกทั่วไป
ถุงแช่แข็ง
ฉนวนสายไฟแรงต่ำ
ขวดแบบบีบ
ฟิล์มคลุมดินในงานเกษตร

2. HDPE (High-Density Polyethylene)

HDPE มีโครงสร้างเรียงตัวแน่น ทำให้พลาสติกแข็งแรง ทนแรงดึง สารเคมี และแรงกระแทกได้ดี จุดหลอมเหลวอยู่ที่ 120–130°C ทนความร้อนได้สูงกว่า LDPE และมีพื้นผิวทึบแสง มักถูกนำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิด

การใช้งานของ HDPE

ขวดแชมพู หรือขวดน้ำยาต่าง ๆ
ท่อส่งน้ำ
แกลลอนและถัง
กล่องเก็บของ
แผ่นรองพื้นงานก่อสร้าง

3. LLDPE (Linear Low-Density Polyethylene)

LLDPE มีโครงสร้างโมเลกุลเป็นเส้นตรง มีแขนงสั้น ทำให้เหนียวแน่นกว่าชนิดอื่น ยืดหยุ่นสูง ทนแรงฉีกขาดดี จุดหลอมเหลวอยู่ที่ 110–120°C เหมาะกับฟิล์มที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

การใช้งานของ LLDPE

ฟิล์มพันพาเลท
ถุงหูหิ้วแบบเหนียว
ฟิล์มคลุมดิน
ถุงอาหารแช่แข็ง
ฟิล์มห่อของสด

พลาสติก PP กับ PE ต่างกันอย่างไร?

แม้พลาสติก PP (Polypropylene) และ PE (Polyethylene) จะคล้ายกัน เพราะทั้งคู่คือเทอร์โมพลาสติก แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันค่ะ

รายการ	พลาสติก PE	พลาสติก PP
ความยืดหยุ่น	ยืดหยุ่นมากกว่า	แข็งกว่า
ทนความร้อน	ทนได้น้อยกว่า (ประมาณ 80°C)	ทนความร้อนได้ดีกว่า (ประมาณ 100°C ขึ้นไป)
การใช้งาน	ถุง ฟิล์ม ท่อ ขวด	กล่องอาหาร ฝาขวด ชิ้นส่วนเครื่องจักร
ผิวสัมผัส	นุ่มกว่า	แข็ง มันวาวกว่า

สรุปง่าย ๆ พลาสติก PE มีจุดเด่นคือความยืดหยุ่น ทนความชื้น จึงนิยมนำมาผลิตเป็นฟิล์มห่อของ ฟิล์มคลุมดิน ขวดแชมพู หรือขวดน้ำยาต่าง ๆ

ส่วนพลาสติก PP มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ทนความร้อน เหมาะนำมาผลิตสินค้าอย่าง สายรัดพลาสติก กล่องใส่อะไหล่ หรืออุปกรณ์เครื่องมือช่างบางประเภท

พลาสติก PE เป็นวัสดุที่สำคัญและมีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในงานบ้านและอุตสาหกรรมต่าง ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานของพลาสติก PE ได้มากขึ้นนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: Bags and Gloves

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย