หน้าแรก > หมวดหมู่สินค้า > สกรูหัวกลม น็อตหัวกลม

สกรูหัวกลม น็อตหัวกลม (Pan Head Machine Screw) 

สกรูหัวกลม (Pan Head Machine Screw) คือ สกรูที่มีหัวทรงกลมด้านบนและแบนเล็กน้อยที่ฐานหัว ทำให้มีพื้นที่หน้าสัมผัสกว้าง เหมาะกับการยึดวัสดุที่ต้องการแรงกดกระจายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนมากใช้กับงานเครื่องจักรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วน น็อตหัวกลม ก็เป็นน็อตที่มีหัวทรงกลมคล้ายกัน ใช้จับคู่กับสกรูประเภทต่าง ๆ เพื่อยึดชิ้นส่วนให้แน่นและแข็งแรง ซึ่งสกรูหัวกลม น็อตหัวกลม ได้รับความนิยม เพราะมีดีไซน์เรียบง่ายและใช้งานได้หลากหลาย

ประเภทของสกรูหัวกลม

สกรูหัวกลมไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่ยังแบ่งย่อยออกไปตามลักษณะของร่องขัน (Drive Type) และประเภทของเกลียว ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  1. สกรูหัวกลมแบบผ่า (Slotted Round Head Screw)

เป็นสกรูหัวกลมแบบดั้งเดิม หัวจะมีร่องสำหรับใช้ไขควงปากแบนในการขันยึด ข้อดี คือ ใช้งานง่าย, หาซื้อง่าย, และราคาไม่แพง ข้อจำกัด คือ อาจจะขันได้ยากกว่าแบบอื่น และมีโอกาสที่ไขควงจะหลุดออกจากร่องได้ง่าย ทำให้หัวสกรูชำรุด

  1. สกรูหัวกลมแบบแฉก (Phillips Round Head Screw)

สกรูหัวกลมแฉก เป็นสกรูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน หัวมีร่องเป็นรูปกากบาท (Phillips Head) ข้อดี คือ ขันได้ง่ายกว่าแบบผ่ามาก, ไขควงไม่หลุดง่าย, และหาซื้อได้ทั่วไป ข้อจำกัด คือ หากใช้แรงบิดมากเกินไป หัวสกรูอาจจะเสียหายได้

  1. สกรูหัวกลมแบบหกเหลี่ยม (Hex Socket Round Head Screw)

หรือที่เรียกว่า สกรูหัวจมกลม หัวจะมีรูหกเหลี่ยมอยู่ตรงกลางสำหรับใช้ประแจหกเหลี่ยม (Allen Key) ในการขัน ข้อดี คือ สามารถรับแรงบิดได้สูงมาก, ขันได้แน่นหนา, และดูเรียบร้อยสวยงาม ข้อจำกัด คือ ต้องใช้ประแจหกเหลี่ยมเฉพาะในการขัน

 

วิธีเลือกซื้อสกรูหัวกลม

  1. เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

วัสดุของสกรูมีผลต่อความทนทานและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • เหล็กชุบซิงค์ (Zinc-plated Steel) เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด มีความแข็งแรงดีและราคาถูก เหมาะสำหรับงานภายในอาคารที่ไม่ต้องเจอกับความชื้น
  • สเตนเลส (Stainless Steel) ทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานภายนอก หรืองานที่ต้องเจอกับน้ำและความชื้นเป็นประจำ
  • ทองเหลือง (Brass) ทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นแม่เหล็ก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงาม หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นพิษ
  1. เลือกขนาดและเกลียวให้เหมาะสม

ขนาดของสกรูหัวกลมจะถูกระบุด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาว ซึ่งต้องเข้ากันได้กับน็อตหรือรูเกลียวที่จะใช้

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (เช่น M3, M4, M5) หรือนิ้ว (เช่น #6, #8)
  • ความยาว วัดจากใต้หัวสกรูจนถึงปลาย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ใน วิธีดูความยาวสกรู และวัดขนาดหัวสกรู
  • ชนิดเกลียว เกลียวของสกรูมีทั้งแบบหยาบ (Coarse Thread) และแบบละเอียด (Fine Thread) ต้องเลือกให้ตรงกับชิ้นงานเพื่อการยึดติดที่แข็งแรง
  • ควรเลือกให้เหมาะกับความหนาของชิ้นงาน หากสั้นไปจะยึดไม่อยู่ หากยาวเกินไปอาจทะลุออกอีกฝั่ง
  1. เลือกหัวสกรูให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้ขัน

ถึงแม้จะเรียกว่า “หัวกลม” เหมือนกัน แต่ก็มีลักษณะของหัวและร่องขันที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการใช้งาน

  • สกรูหัวกลมแบบผ่า (Slotted Round Head) เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้แรงบิดสูง และใช้ไขควงปากแบนในการขัน
  • สกรูหัวกลมแบบแฉก (Phillips Round Head) เป็นประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะขันง่ายด้วยไขควงปากแฉก ทำให้ไขควงไม่หลุดง่าย
  • สกรูหัวกลมแบบหกเหลี่ยม (Hex Socket Round Head) หรือที่เรียกว่า “สกรูหัวจม” หัวจะมีรูหกเหลี่ยม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแน่นหนาและใช้แรงบิดสูง
  • ดูประเภทหัวสกรูเพิ่มเติมได้ในบทความ ประเภทของสกรู
  1. ดูเรื่องความสวยงาม ถ้าใช้โชว์หัว
  • หากสกรูควรจะมองเห็นได้ เช่น งานตกแต่งภายใน หรือเฟอร์นิเจอร์ เลือกหัวกลมแบบเรียบ ผิวมัน หรือสแตนเลสขัดเงา เพื่อเพิ่มความเรียบร้อยและดูดี
  1. เช็กมาตรฐานและความปลอดภัย
  • เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
  • ตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (เช่น DIN, ISO)
  • หลีกเลี่ยงสินค้าราคาถูกที่มีคุณภาพต่ำ เพราะอาจเกิดสนิมเร็วหรือขันแล้วหัวสกรูแตก
  • สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น งานในอุตสาหกรรมหรือเครื่องจักร ควรเลือกสกรูที่มีการระบุเกรดความแข็งแรง (เช่น เกรด 8.8, 10.9) ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการรับแรงดึงและแรงเฉือนได้ดี

 

วิธีใช้งานสกรูหัวกลม

การใช้งานสกรูหัวกลมอย่างถูกวิธี จะช่วยให้งานยึดติดมีความแข็งแรง ปลอดภัย และสวยงามมากขึ้น

  1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
  • สกรูหัวกลม (เลือกความยาวและเกลียวให้เหมาะกับงาน)
  • ไขควงหัวแฉก หรือ หัวแบน (ขึ้นอยู่กับชนิดหัวสกรู)
  • สว่านไฟฟ้า (กรณีต้องเจาะนำ)
  • ดอกสว่านขนาดเท่าหรือเล็กกว่าเกลียวสกรูเล็กน้อย
  • ดินสอ หรือปากกา สำหรับทำตำแหน่ง
  1. กำหนดตำแหน่งที่ต้องการยึด
  • ใช้ดินสอหรือปากกาทำตำแหน่งที่จะขันสกรู
  • ตรวจสอบระยะให้พอดี หากเป็นงานประกอบหลายชิ้น ควรวัดให้แม่นยำ
  1. เจาะรูนำ (Pilot Hole) (ถ้าจำเป็น)

ในบางกรณี การเจาะรูนำก่อนจะช่วยให้การขันสกรูง่ายขึ้นและป้องกันความเสียหายของชิ้นงาน

  • ไม้เนื้อแข็ง การเจาะรูนำจะช่วยป้องกันไม่ให้ไม้แตกหรือร้าวเมื่อขันสกรู
  • ชิ้นงานที่ต้องการความแม่นยำสูง รูนำจะช่วยกำหนดตำแหน่งการขันสกรูได้อย่างแม่นยำ
  • ใช้สกรูที่มีขนาดใหญ่ สำหรับสกรูที่มีขนาดใหญ่ การเจาะรูนำจะช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการขันและลดความเสี่ยงที่หัวสกรูจะเสียหาย
  • ควรเลือกดอกสว่านที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของสกรูเล็กน้อย เพื่อให้เกลียวของสกรูยังคงสามารถยึดติดกับเนื้อวัสดุได้แน่นหนา
  1. ขันสกรูให้แน่น
  • ใช้ไขควงหรือสว่านไฟฟ้าขันสกรูเข้าไปให้แน่นพอดี
  • อย่าขันแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หัวสกรูพัง หรือวัสดุแตกเสียหาย
  1. ตรวจสอบความแน่นและความเรียบร้อย
  • ตรวจดูว่าสกรูยึดแน่นดีหรือยัง
  • หากต้องการความเรียบร้อย อาจปิดหัวด้วยฝาครอบ หรือใช้สกรูหัวกลมแบบเงาเพื่อความสวยงาม

 

หากท่านใดยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสกรูหัวจมแบบไหนดี สามารถปรึกษาทีมงาน KACHA ที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจ เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับงานมากที่สุด แอดไลน์ @kachathai เลย!