น็อตกันคลาย (Nylon Lock Nut)

น็อตกันคลาย (Nylon Lock Nut) คือ น็อตหัวหกเหลี่ยมที่ด้านในจะมีวงแหวนไนลอน ฝังอยู่บริเวณเกลียวด้านบน มีหน้าที่ช่วยล็อกน็อตไม่ให้คลายตัวง่ายเมื่อเจอแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทก ใช้ร่วมกับสกรูหรือโบลต์เหมือนน็อตทั่วไป แต่จะมีความแน่นหนาและปลอดภัยมากกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการความมั่นคงสูง เช่น งานยานยนต์ เครื่องจักร หรือโครงสร้างที่มีแรงสั่นสะเทือนบ่อย

วิธีเลือกซื้อ น็อตกันคลาย

1. พิจารณาวัสดุของน็อต

วัสดุของน็อตมีผลต่อความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน

  • เหล็กกล้า (Steel) เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด มีความแข็งแรงสูง เหมาะกับงานทั่วไป
  • สเตนเลส (Stainless Steel) ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับงานที่ต้องเจอน้ำ, ความชื้น หรือสารเคมี แต่ความแข็งแรงอาจน้อยกว่าเหล็กกล้า
  • ทองเหลือง (Brass) หรือ ทองแดง (Copper) ทนการกัดกร่อนได้ดีและไม่เป็นแม่เหล็ก แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่าเหล็กและสเตนเลส

 

2. เลือกประเภทของน็อตกันคลายให้เหมาะกับงาน

แต่ละประเภทของน็อตกันคลายก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป สามารถพิจารณาได้ดังนี้

  • น็อตกันคลายแบบมีแหวนไนลอน (Nylon insert lock nut) ด้านในของน็อตจะมีแหวนพลาสติกหรือไนลอนแทรกอยู่ด้านใน เมื่อขันน็อตเข้าไป แหวนจะถูกบีบอัดและสร้างแรงเสียดทานเพื่อล็อคเกลียว
  • น็อตกันคลายแบบมีร่องและแผ่นสปริง (All metal lock nut) เกลียวบางส่วนของน็อตถูกออกแบบให้บีบตัวเข้าหากันเล็กน้อย ทำให้เกิดแรงยึดเกาะที่แน่นหนา ทนความร้อนสูง เหมาะกับงานในเครื่องยนต์ หรือโครงสร้างที่ต้องเจออุณหภูมิสูง
  • น็อตกันคลายแบบฟันเฟือง (Serrated lock nut) มีฟันเฟืองเล็ก ๆ อยู่ใต้หัวน็อตที่ทำหน้าที่จิกลงไปที่ผิวของชิ้นงาน เพื่อยึดเกาะและป้องกันการหมุน ยึดเกาะได้แน่นหนามาก เหมาะกับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง
  • นอกจากนี้ ยังมีน็อตกันคลายประเภทอื่น ๆ อีก เช่น
    • น็อตหกเหลี่ยมที่มีบ่า (Flanged Nut) ช่วยกระจายแรงกดและเพิ่มความมั่นคงในการยึด
    • น็อตหางปลา (Wing Nut) สามารถขันได้ด้วยมือเปล่า และเหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการแรงขันสูง
    • น็อตหัวหมวก (Domed Nut) ช่วยปกป้องปลายเกลียวและป้องกันการบาด
    • น็อตสี่เหลี่ยม (Square Nut) มีรูปทรงสี่เหลี่ยม และใช้สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรง
    • น็อตเชื่อม (Weld Nut) ใช้สำหรับยึดติดกับชิ้นงานโดยการเชื่อม 

 

3. ตรวจสอบขนาดและเกลียวให้ตรงกับสกรู

น็อตที่เลือกจะต้องมีขนาดและชนิดของเกลียวที่ตรงกับสกรูหรือโบลต์ที่จะใช้ พิจารณาจาก

  • ขนาด วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของสกรู เช่น M6, M8, M10 (หน่วยมิลลิเมตร) หรือ 1/4 นิ้ว, 3/8 นิ้ว (หน่วยนิ้ว) อ่านเพิ่มเติมได้ใน วิธีดูความยาวสกรู และวัดขนาดหัวสกรู
  • เกลียว ตรวจสอบว่าเป็นเกลียวละเอียด (Fine thread) หรือเกลียวหยาบ (Coarse thread)

 

วิธีใช้น็อตกันคลาย

วิธีใช้น็อตกันคลายให้ถูกต้องและปลอดภัย ต้องใช้อย่างถูกวิธีตามประเภทของน็อต เพื่อให้สามารถต้านแรงสั่นสะเทือน การหมุน และแรงดึงกลับต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  1. ตรวจสอบความสะอาดของเกลียว

ก่อนจะขันน็อต ให้ตรวจสอบว่าเกลียวของสกรูและน็อตสะอาด ไม่มีเศษฝุ่น คราบน้ำมัน หรือสนิมเกาะอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจลดแรงยึดเกาะและทำให้ขันน็อตไม่สุด

 

  1. ขันด้วยเครื่องมืออย่างเหมาะสม

ใช้ประแจหรือเครื่องมือที่เหมาะสมกับขนาดของน็อต เช่น ประแจแหวน, ประแจปากตาย, หรือบล็อก สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือเครื่องจักร ควรใช้ประแจแรงบิด (Torque Wrench) เพื่อควบคุมแรงขัน

 

  1. ขันน็อตด้วยแรงที่เหมาะสม

การขันน็อตต้องใช้แรงที่เหมาะสม ถ้าขันแน่นเกินไปอาจทำให้น็อตหรือสกรูเสียหายได้ แต่ถ้าขันหลวมเกินไปก็จะไม่มีประสิทธิภาพในการกันคลาย 

 

  1. จับคู่เกรดของน็อตกับสกรูให้ถูกต้อง

การเลือกใช้น็อตและสกรูที่มีเกรดเท่ากันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากน็อตมีความแข็งแรงน้อยกว่าสกรู น็อตก็อาจจะเสียหายก่อนได้

 

  1. ข้อควรระวังและข้อแนะนำเพิ่มเติม
  • อย่าใช้น็อตกันคลายแบบไนลอนซ้ำบ่อย ๆ แหวนไนลอนในน็อตจะถูกบีบอัดเมื่อถูกใช้งานครั้งแรก ทำให้แรงยึดเกาะลดลงเมื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ หากต้องการความปลอดภัยสูงสุด ควรเปลี่ยนน็อตกันคลายแบบไนลอนด้วยอันใหม่ทุกครั้งที่ถอดชิ้นส่วนออก
  • อย่าใช้แรงเกินความจำเป็น การใช้เครื่องมือไฟฟ้าที่แรงเกินไป หรือการออกแรงขันมากเกินไปอาจทำให้เกลียวของสกรูหรือน็อตเสียหายได้
  • ระมัดระวังความร้อน น็อตกันคลายแบบมีแหวนไนลอนไม่เหมาะกับงานที่ต้องเจอความร้อนสูง เพราะแหวนอาจละลายหรือเสียรูปได้ ควรเลือกใช้แบบโลหะทั้งชิ้นแทน
  • ตรวจสอบความแข็งแรง หลังจากการขันน็อตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ลองตรวจสอบความแน่นหนาของการยึดติดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างปลอดภัย

 

หากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ น็อตกันคลาย หรือยังสับสนเกี่ยวกับเรื่อง สกรูกับน็อตต่างกันยังไง ทีมงาน KACHA พร้อมให้คำแนะนำ!