หน้าแรก > หมวดหมู่สินค้า > สกรูหัวกลม น็อตหัวกลม
สกรูหัวกลม น็อตหัวกลม (Pan Head Machine Screw)
สกรูหัวกลม (Pan Head Machine Screw) คือ สกรูที่มีหัวทรงกลมด้านบนและแบนเล็กน้อยที่ฐานหัว ทำให้มีพื้นที่หน้าสัมผัสกว้าง เหมาะกับการยึดวัสดุที่ต้องการแรงกดกระจายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนมากใช้กับงานเครื่องจักรหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วน น็อตหัวกลม ก็เป็นน็อตที่มีหัวทรงกลมคล้ายกัน ใช้จับคู่กับสกรูประเภทต่าง ๆ เพื่อยึดชิ้นส่วนให้แน่นและแข็งแรง ซึ่งสกรูหัวกลม น็อตหัวกลม ได้รับความนิยม เพราะมีดีไซน์เรียบง่ายและใช้งานได้หลากหลาย
ประเภทของสกรูหัวกลม
สกรูหัวกลมไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่ยังแบ่งย่อยออกไปตามลักษณะของร่องขัน (Drive Type) และประเภทของเกลียว ซึ่งส่งผลต่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- สกรูหัวกลมแบบผ่า (Slotted Round Head Screw)
เป็นสกรูหัวกลมแบบดั้งเดิม หัวจะมีร่องสำหรับใช้ไขควงปากแบนในการขันยึด ข้อดี คือ ใช้งานง่าย, หาซื้อง่าย, และราคาไม่แพง ข้อจำกัด คือ อาจจะขันได้ยากกว่าแบบอื่น และมีโอกาสที่ไขควงจะหลุดออกจากร่องได้ง่าย ทำให้หัวสกรูชำรุด
- สกรูหัวกลมแบบแฉก (Phillips Round Head Screw)
สกรูหัวกลมแฉก เป็นสกรูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน หัวมีร่องเป็นรูปกากบาท (Phillips Head) ข้อดี คือ ขันได้ง่ายกว่าแบบผ่ามาก, ไขควงไม่หลุดง่าย, และหาซื้อได้ทั่วไป ข้อจำกัด คือ หากใช้แรงบิดมากเกินไป หัวสกรูอาจจะเสียหายได้
- สกรูหัวกลมแบบหกเหลี่ยม (Hex Socket Round Head Screw)
หรือที่เรียกว่า สกรูหัวจมกลม หัวจะมีรูหกเหลี่ยมอยู่ตรงกลางสำหรับใช้ประแจหกเหลี่ยม (Allen Key) ในการขัน ข้อดี คือ สามารถรับแรงบิดได้สูงมาก, ขันได้แน่นหนา, และดูเรียบร้อยสวยงาม ข้อจำกัด คือ ต้องใช้ประแจหกเหลี่ยมเฉพาะในการขัน
วิธีเลือกซื้อสกรูหัวกลม
- เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
วัสดุของสกรูมีผลต่อความทนทานและการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เหล็กชุบซิงค์ (Zinc-plated Steel) เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด มีความแข็งแรงดีและราคาถูก เหมาะสำหรับงานภายในอาคารที่ไม่ต้องเจอกับความชื้น
- สเตนเลส (Stainless Steel) ทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานภายนอก หรืองานที่ต้องเจอกับน้ำและความชื้นเป็นประจำ
- ทองเหลือง (Brass) ทนทานต่อการกัดกร่อนและไม่เป็นแม่เหล็ก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงาม หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นพิษ
- เลือกขนาดและเกลียวให้เหมาะสม
ขนาดของสกรูหัวกลมจะถูกระบุด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาว ซึ่งต้องเข้ากันได้กับน็อตหรือรูเกลียวที่จะใช้
- เส้นผ่านศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (เช่น M3, M4, M5) หรือนิ้ว (เช่น #6, #8)
- ความยาว วัดจากใต้หัวสกรูจนถึงปลาย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ใน วิธีดูความยาวสกรู และวัดขนาดหัวสกรู
- ชนิดเกลียว เกลียวของสกรูมีทั้งแบบหยาบ (Coarse Thread) และแบบละเอียด (Fine Thread) ต้องเลือกให้ตรงกับชิ้นงานเพื่อการยึดติดที่แข็งแรง
- ควรเลือกให้เหมาะกับความหนาของชิ้นงาน หากสั้นไปจะยึดไม่อยู่ หากยาวเกินไปอาจทะลุออกอีกฝั่ง
- เลือกหัวสกรูให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้ขัน
ถึงแม้จะเรียกว่า “หัวกลม” เหมือนกัน แต่ก็มีลักษณะของหัวและร่องขันที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการใช้งาน
- สกรูหัวกลมแบบผ่า (Slotted Round Head) เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้แรงบิดสูง และใช้ไขควงปากแบนในการขัน
- สกรูหัวกลมแบบแฉก (Phillips Round Head) เป็นประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะขันง่ายด้วยไขควงปากแฉก ทำให้ไขควงไม่หลุดง่าย
- สกรูหัวกลมแบบหกเหลี่ยม (Hex Socket Round Head) หรือที่เรียกว่า “สกรูหัวจม” หัวจะมีรูหกเหลี่ยม เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแน่นหนาและใช้แรงบิดสูง
- ดูประเภทหัวสกรูเพิ่มเติมได้ในบทความ ประเภทของสกรู
- ดูเรื่องความสวยงาม ถ้าใช้โชว์หัว
- หากสกรูควรจะมองเห็นได้ เช่น งานตกแต่งภายใน หรือเฟอร์นิเจอร์ เลือกหัวกลมแบบเรียบ ผิวมัน หรือสแตนเลสขัดเงา เพื่อเพิ่มความเรียบร้อยและดูดี
- เช็กมาตรฐานและความปลอดภัย
- เลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
- ตรวจสอบว่าผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม (เช่น DIN, ISO)
- หลีกเลี่ยงสินค้าราคาถูกที่มีคุณภาพต่ำ เพราะอาจเกิดสนิมเร็วหรือขันแล้วหัวสกรูแตก
- สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น งานในอุตสาหกรรมหรือเครื่องจักร ควรเลือกสกรูที่มีการระบุเกรดความแข็งแรง (เช่น เกรด 8.8, 10.9) ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการรับแรงดึงและแรงเฉือนได้ดี
วิธีใช้งานสกรูหัวกลม
การใช้งานสกรูหัวกลมอย่างถูกวิธี จะช่วยให้งานยึดติดมีความแข็งแรง ปลอดภัย และสวยงามมากขึ้น
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
- สกรูหัวกลม (เลือกความยาวและเกลียวให้เหมาะกับงาน)
- ไขควงหัวแฉก หรือ หัวแบน (ขึ้นอยู่กับชนิดหัวสกรู)
- สว่านไฟฟ้า (กรณีต้องเจาะนำ)
- ดอกสว่านขนาดเท่าหรือเล็กกว่าเกลียวสกรูเล็กน้อย
- ดินสอ หรือปากกา สำหรับทำตำแหน่ง
- กำหนดตำแหน่งที่ต้องการยึด
- ใช้ดินสอหรือปากกาทำตำแหน่งที่จะขันสกรู
- ตรวจสอบระยะให้พอดี หากเป็นงานประกอบหลายชิ้น ควรวัดให้แม่นยำ
- เจาะรูนำ (Pilot Hole) (ถ้าจำเป็น)
ในบางกรณี การเจาะรูนำก่อนจะช่วยให้การขันสกรูง่ายขึ้นและป้องกันความเสียหายของชิ้นงาน
- ไม้เนื้อแข็ง การเจาะรูนำจะช่วยป้องกันไม่ให้ไม้แตกหรือร้าวเมื่อขันสกรู
- ชิ้นงานที่ต้องการความแม่นยำสูง รูนำจะช่วยกำหนดตำแหน่งการขันสกรูได้อย่างแม่นยำ
- ใช้สกรูที่มีขนาดใหญ่ สำหรับสกรูที่มีขนาดใหญ่ การเจาะรูนำจะช่วยลดแรงที่ต้องใช้ในการขันและลดความเสี่ยงที่หัวสกรูจะเสียหาย
- ควรเลือกดอกสว่านที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของสกรูเล็กน้อย เพื่อให้เกลียวของสกรูยังคงสามารถยึดติดกับเนื้อวัสดุได้แน่นหนา
- ขันสกรูให้แน่น
- ใช้ไขควงหรือสว่านไฟฟ้าขันสกรูเข้าไปให้แน่นพอดี
- อย่าขันแรงเกินไป เพราะอาจทำให้หัวสกรูพัง หรือวัสดุแตกเสียหาย
- ตรวจสอบความแน่นและความเรียบร้อย
- ตรวจดูว่าสกรูยึดแน่นดีหรือยัง
- หากต้องการความเรียบร้อย อาจปิดหัวด้วยฝาครอบ หรือใช้สกรูหัวกลมแบบเงาเพื่อความสวยงาม
หากท่านใดยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกสกรูหัวจมแบบไหนดี สามารถปรึกษาทีมงาน KACHA ที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจ เพื่อให้ได้สินค้าที่ตรงกับงานมากที่สุด แอดไลน์ @kachathai เลย!