หน้าแรก > หมวดหมู่สินค้า > สกรูปลายสว่าน น็อตปลายสว่าน

สกรูปลายสว่าน (Self Drilling Screw)

สกรูปลายสว่าน (Self Drilling Screw) คือสกรูที่มีปลายแหลมคล้ายดอกสว่านในตัว ใช้สำหรับยึดวัสดุโดยไม่ต้องเจาะรูนำ เช่น แผ่นโลหะ หรือโครงเหล็กเบา เมื่อใช้ร่วมกับสว่านไฟฟ้า ปลายสว่านจะเจาะทะลุวัสดุ และเกลียวของสกรูจะยึดวัสดุนั้นให้แน่นในขั้นตอนเดียว ช่วยประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงาน และเพิ่มความแข็งแรงในการยึด เหมาะกับงานก่อสร้าง ติดตั้งหลังคา หรืองานประกอบโลหะทั่วไป

ลักษณะสำคัญของสกรูปลายสว่าน

สกรูปลายสว่านมีโครงสร้าง 3 ส่วนหลักที่ทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ได้แก่

  • ส่วนหัว (Head) มีหลายรูปทรง เช่น หัวแฉก, หัวหกเหลี่ยม, หรือหัวเวเฟอร์ (Wafer head) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแหวนรองในตัว (Flange) เพื่อช่วยกระจายแรงกด
  • ส่วนตัว (Body) เป็นเกลียวที่ทำหน้าที่ยึดชิ้นงานเข้าด้วยกัน
  • ส่วนปลาย (Drill Point) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด มีลักษณะคล้ายดอกสว่าน ซึ่งจะทำหน้าที่เจาะรูในชิ้นงานก่อนที่เกลียวจะตามลงไปยึด

 

วิธีเลือกซื้อสกรูปลายสว่าน

การเลือกซื้อสกรูปลายสว่านให้เหมาะสมกับงานนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ดังนี้

  1. เลือกจากวัสดุที่ต้องการยึด

สกรูปลายสว่านแต่ละชนิดถูกออกแบบมาสำหรับวัสดุที่มีความแข็งต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา

  • เหล็กบาง (1-3 มม.) ใช้สกรูปลายสว่านทั่วไป
  • เหล็กหนา (4 มม. ขึ้นไป) ใช้สกรูปลายสว่านคุณภาพสูง ปลายสว่านยาว
  • เมทัลชีท / แผ่นหลังคา ใช้สกรูหัวหกเหลี่ยม มีแหวนยางกันรั่ว
  • ไม้ / ไม้อัด ใช้สกรูปลายสว่านที่มีเกลียวหยาบ ยึดแน่นกว่า
  • ไฟเบอร์ซีเมนต์ ใช้สกรูหัวจมหรือหัวกลม พร้อมปลายแหลมแข็งพิเศษ

 

  1. เลือกขนาดที่เหมาะสม

ความยาวของสกรูต้องมีความพอดีกับชิ้นงานที่จะใช้ยึด

  • ความยาว ความยาวของสกรูควรยาวกว่าความหนาของชิ้นงานด้านบน (ชิ้นงานที่จะถูกยึด) รวมกับความหนาของชิ้นงานด้านล่าง (โครงสร้างที่จะยึดติด) ควรเผื่อให้เจาะทะลุวัสดุหลัก และเข้าโครงสร้างได้อย่างน้อย 1 ซม.
  • เส้นผ่านศูนย์กลาง ถ้าใช้กับเหล็กหนา ให้เลือกขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อความแข็งแรง
  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทความ วิธีดูความยาวสกรู และวัดขนาดหัวสกรู ทำได้อย่างไร?

 

  1. เลือก “หัวสกรู” ให้เหมาะกับงาน

หัวสกรูมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีจุดประสงค์การใช้งานที่ต่างกันไป

  • สกรูหัวหกเหลี่ยม (Hex Head) แข็งแรง ใช้กับงานโครงสร้าง งานภายนอก
  • สกรูหัวกลม / หัวแฉก (Pan Head หรือ Flat Head) เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการให้หัวสกรูโผล่พ้นจากพื้นผิวมากนัก เช่น งานประกอบเฟอร์นิเจอร์ หรือยึดแผ่นไม้ฝา
  • สกรูหัวจม (Socket Head) ใช้กับงานที่ต้องการให้หัวสกรูเรียบกับพื้นผิว
  • สกรูหัวเวเฟอร์ (Wafer Head) มีลักษณะแบนกว้างกว่าหัวแบบอื่น ช่วยกระจายแรงกดได้ดี เหมาะกับงานที่ต้องยึดแผ่นวัสดุบาง ๆ เช่น แผ่นฝ้าเพดาน หรือแผ่นยิปซัม
  • อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ “สกรู” มีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน?

 

  1. เลือกวัสดุของสกรู

วัสดุของสกรูมีผลต่อความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน

  • เหล็กชุบซิงค์ เป็นวัสดุมาตรฐานที่แข็งแรงและราคาไม่แพง เหมาะสำหรับงานภายในอาคาร
  • สเตนเลส (เกรด 410) เป็นสเตนเลสที่มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องมีการสัมผัสกับความชื้นหรือละอองน้ำบ้าง
  • สเตนเลส (เกรด 304) ทนการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานที่ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงมากๆ หรือสัมผัสกับสารเคมี แต่จะมีความแข็งแรงน้อยกว่าเกรด 410
  • เคลือบพิเศษ (เช่น Ruspert, Xylan) เหมาะกับงานภายนอกหรืออุตสาหกรรมที่มีสารเคมี

 

  1. พิจารณา ชนิดของปลายสว่าน

ปลายสว่านของสกรูมีหลายขนาดและหลายชั้น ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการเจาะวัสดุที่แตกต่างกันไป

  • ปลายสว่านเบอร์ 2 หรือ 3 เหมาะสำหรับเจาะเหล็กบาง
  • ปลายสว่านเบอร์ 4 หรือ 5 เหมาะสำหรับเจาะเหล็กหนาขึ้น

 

  1. ตรวจสอบคุณภาพปลายสว่าน
  • ปลายต้อง คมและแข็ง เจาะได้จริง ไม่หักง่าย
  • สำหรับเจาะเหล็กหนา ควรเลือกปลายแบบ เจาะลึก หรือมี ร่องกัดสองชั้น

 

  1. เลือกแบรนด์หรือผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และมีมาตรฐาน

แบรนด์ดีจะได้สกรูที่แข็งแรง เจาะได้จริง ไม่เสียหายระหว่างใช้งาน

  • สกรูอุตสาหกรรมที่ดีควรมีมาตรฐาน เช่น ISO, JIS, ASTM
  • ถ้ามีงานวิศวกรรม หรือใช้กับโครงสร้าง ควรเลือกที่มีเอกสารรับรองแรงดึง แรงเฉือน

 

สกรูปลายสว่านเหมาะกับงานอะไรบ้าง?

สกรูปลายสว่าน เหมาะกับงานที่ต้องการ “เจาะทะลุและยึดติดในขั้นตอนเดียว” โดย ไม่ต้องเจาะรูนำมาก่อน จึงช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการติดตั้ง เหมาะกับงานก่อสร้างและติดตั้งหลากหลายประเภท โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเหล็ก โลหะ และแผ่นบางต่าง ๆ ดังนี้

 

งานโครงสร้างและงานก่อสร้าง

เป็นงานที่ใช้สกรูปลายสว่านมากที่สุด เพราะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมหาศาล

  • งานหลังคาเมทัลชีท สกรูปลายสว่านแบบหัวหกเหลี่ยมพร้อมแหวนยาง EPDM เป็นที่นิยมอย่างมากในการยึดแผ่นเมทัลชีทเข้ากับแปเหล็ก แหวนยางจะช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำได้เป็นอย่างดี
  • งานยิงแปเหล็ก ใช้สำหรับยึดแปเหล็กกับโครงสร้างหลัก ซึ่งสกรูปลายสว่านสามารถเจาะเหล็กหนาได้ตามเบอร์ของสกรู (เช่น เบอร์ 2 สำหรับเหล็กบาง, เบอร์ 5 สำหรับเหล็กหนาพิเศษ)
  • งานติดตั้งผนังเบา ใช้ยึดแผ่นยิปซัมหรือแผ่นสมาร์ทบอร์ดเข้ากับโครงคร่าวเหล็กหรือโครงไม้ได้อย่างรวดเร็ว

 

งานอุตสาหกรรมและงานประกอบ

  • งานประกอบเฟอร์นิเจอร์ ใช้ยึดชิ้นส่วนไม้หรือโลหะเข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว
  • งานประกอบอุปกรณ์หรือเครื่องจักร ช่วยลดขั้นตอนการติดตั้งและเพิ่มความแม่นยำในการยึดติดชิ้นส่วนต่าง ๆ
  • งานยึดแผ่นซ้อน เหมาะสำหรับยึดแผ่นโลหะบาง ๆ หรือแผ่นพลาสติกเข้าด้วยกัน เช่น งานยึดแผ่นครอบหลังคาหรือแผ่นอลูมิเนียม

 

งานซ่อมแซมและงาน DIY

  • งานติดตั้งชั้นวางของ การยึดชั้นวางเข้ากับโครงสร้างเหล็กหรือไม้ภายในบ้านสามารถทำได้ง่ายด้วยสกรูปลายสว่าน
  • งานซ่อมแซมเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช้ยึดซ่อมแซมชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือหลายชิ้น

 

งานที่ไม่เหมาะกับสกรูปลายสว่าน

  • ไม่เหมาะกับ ไม้เนื้อแข็งมาก ๆ (ควรใช้สกรูเกลียวไม้แทน)
  • ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเรียบสนิทของหัวสกรู เช่น งานเฟอร์นิเจอร์หรู
  • ไม่เหมาะกับการเจาะคอนกรีตโดยตรง (ควรใช้พุกและสกรูคอนกรีต)

 

หากยังมีข้อสงสัย ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อ สกรูปลายสว่าน แบบไหน สามารถปรึกษาทีมงาน KACHA ได้เลย เพื่อให้ได้สกรูที่เหมาะกับงานมากที่สุด