ไม้โครง ที่ใช้ในงานเฟอร์นิเจอร์ มีกี่ประเภท ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ไม้โครง คืออะไร?
เป็นไม้ที่มักนำไปใช้เป็นโครงสร้างหลัก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ งานตกแต่งผนัง งานฉาก ไปจนถึงงานประตู หรือหน้าต่าง โดยจะมีไม้อัด หรือวัสดุอื่นมาประกอบปิดเพียงด้านเดียว หรือทั้ง 2 ด้านก็ได้เช่นกัน เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรงมากขึ้น สำหรับไม้ที่นำมาเป็นไม้โครงนั้น จะมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ ไม้โครงเส้น และไม้โครงจ๊อย
หน้าที่หลักของไม้โครง : ใช้เป็นตัวโครงสร้างหลัก ถ้าเปรียบกับการสร้างบ้านก็คืองานโครงสร้างพวก เสา คาน นั่นเอง หรือเป็นการขึ้นตู้ ก่อนที่จะนำไม้อัดมาประกบ และเป็นตัวที่ใช้ในการนำไปจับยึด จากตะปูเกลียว หรือตะปู ให้เกิดความแข็งแรงของตู้, ตัวเฟอร์นิเจอร์ หรือเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินที่ต้องการ |
ประเภทของ ไม้โครง
ไม้โครงที่นำมาใช้เป็นโครงเส้น และโครงจ๊อย จะมีให้เลือกหลากหลายไม้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นไม้สยา, ไม้สน, ไม้สะเดา, ไม้ยางพาราอัดน้ำยา หรือไม้เบญจพรรณอัดน้ำยา ซึ่งความแตกต่างของโครงเส้น และโครงจ๊อยนั้น สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
- ไม้โครงเส้น เป็นไม้ท่อนเดียว ที่นำมาตัดเป็นเส้นยาว ๆ เพื่อนำไปใช้ในการทำโครงสร้างต่าง ๆ อาจจะมีราคาแพงกว่า หายากกว่าโครงจ๊อย รวมถึงมีโอกาสที่ไม้จะบิด เมื่อใช้งานไปนาน ๆ อีกด้วย
- ไม้จ๊อย จะเป็นไม้เส้นสั้น ๆ ที่นำมาประกอบกันให้กลายเป็นไม้โครงเส้นยาว มีความแข็งแรง และไม่บิดงอ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ง่ายต่อการนำไปใช้งานต่อ สำหรับการจ๊อยไม้นั้น จะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ แบบ Finger-joint ที่เห็นเป็นรอยฟันปลาที่ประสานกันระหว่างไม้ 2 ชิ้น อยู่ที่ด้านความกว้างของไม้ และแบบ Butt-joint ที่ด้านกว้าง เป็นรอยเส้นตรง โดยทั้งสองประเภทนั้น จะใช้กาวอุตสาหกรรม และเครื่องจักรในการประกอบกับไม้ให้ติดกัน
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-02 210513-Content-'ไม้โครง'ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-02](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-02.jpg)
ในส่วนของการตัดสินใจเลือกใช้ไม้เส้น หรือไม้จ๊อย ขึ้นอยู่กับราคา และลักษณะงานที่ต้องการใช้เป็นหลัก เนื่องจากไม้แต่ละชนิด จะมีราคา และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญคือ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั้น ควรที่จะต้องวัดความยาวของขนาดไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ก่อน เพื่อดูว่าจำเป็นที่จะต้องซื้อ หรือสั่งตัดในความยาวเท่าไร เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดนั่นเอง
ขนาดของไม้โครง
ไม้โครงเป็นการนำไม้แปรรูปมาไสให้ได้ขนาด หนาประมาณ 17.5, 20-22 มม. กว้างประมาณ 35, 42-45 มม. ยาว 2.5 ม. นิยมมาจำหน่ายในท้องตลาด เป็นขนาดโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ผลิต และจะมัดรวมกันมา มัดละ 10 ท่อน
หนา (มม.) | กว้าง (มม.) | ยาว (ม.) นิยมใช้ขนาดตามความยาวไม้อัด |
หมายเหตุ |
---|---|---|---|
17.5 | 35 แบบหน้าแคบ |
2.4 – 2.5 | ประกบไม่อัด 4 มม. หน้า-หลัง จะรวมความหนาโดยประมาณ 22-23 มม. นิยมให้เป็นโครงตัวในเพราะหน้าแคบ |
17.5 | 42 – 45 แบบหน้าปกติ |
2.4 – 2.5 | นิยมให้กันมาก ติดบานพับถ้วย-ปุ่มรับชั้น ไม่ให้หลุดขาด |
20 – 22 | 42 – 45 | 2.4 – 2.5 | ประกบไม่อัด 4 มม. หน้า-หลัง จะรวมความหนา โดยประมาณ 26-28 มม. ขึ้นอยู่กับไม้อัดที่ประกบ |
ไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ มีอะไรบ้าง?
โดยส่วนใหญ่ ไม้โครงที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ มีหลากหลายเกรด แบ่งตามประเภทของไม้ที่นำมาใช้ ดังนี้
1. ไม้ยางพารา
เป็นไม้โครงที่นิ่วเหนียวใช้งานง่าย เนื่องจากไม้ยางพารา ขัดง่าย มีสีอ่อน เหมาะกับการย้อมสี และขึ้นรูปทั่วไปได้
2. ไม้โครงสน
เป็นไม้โครงที่มีสีอ่อน เหนียว แต่บิดงอง่าย การใช้งานเหมาะกับงานพ่นสี ย้อมสี เนืองจากขัดง่ายมีสีอ่อน ลักษณะจำเพาะเช่นเดียวกับไม้โครงบางพารา เพียงแต่มีทั้งโครงแบบจ๊อย (รอยต่อไม้) และไม่จ๊อย แบบไร้รอยต่อเหมาะแก่การนำไปทำระแนงเล็ก
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-03 210513-Content-'ไม้โครง'ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-03](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-03.jpg)
3. ไม้เบญจพรรณ
4. ไม้ทุเรียน
เป็นไม้โครงที่มีเนื้อละเอียด สามารถขึ้นรูปทำงานง่าย ไม่บิดตัว ไม่แอ่น แต่เนื้ออ่อน ทำให้การยิงสกรูยึดเกาะได้ไม่แน่นเท่าไม้เบญจพรรณ
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-04 210513-Content-'ไม้โครง'ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-04](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-04.jpg)
5. ไม้สยา
6. ไม้ตะเคียน
เป็นไม้โครงที่แข็งแรงมาก แข็งแรงไม่บิดตัว แต่ทำงานยาก เนื่องจากไม้แข็งตัดได้ยากกว่าไม้โครงชนิดอื่น
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-05 210513-Content-'ไม้โครง'ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-05](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-05.jpg)
7. ไม้ตะแบก
8. ไม้สักสวนป่า
เป็นไม้โครงที่เกรดดีมาก แข็งเหนียว ตัดทำงานง่าย ไม่หักง่ายไม่โก่งไม่งอ แต่ราคาสูง
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-06-edit](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-06-edit.jpg)
9. ไม้สักเนื้อ
ที่คุณภาพเช่นเดียวกับสักสวนป่า แต่ต่างตรงไม้มีอายุมากกว่า จึงแข็งแรง และเหนียวกกว่า รวมถึงปลวกไม่กิน จึงไม่จำเป็นต้องทาน้ำยากันปลวกเลย
ไม้โครงใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ไม้โครงเหล่านี้ ควรเลือกใช้ตามความเหมาะสมกับงาน ซึ่งการใช้งานไม้โครงนี้ ส่วนใหญ่ช่างเฟอร์นิเจอร์มักนำมาใช้งานหลายอย่าง เช่น
- ใช้ทำโครงผนังบิวท์อิน ผนังบิวท์อิน ต้องมีการขึ้นโครงก่อนให้ได้ตามแบบที่ต้องการ ก่อนปิดทับโครงด้วยไม้อัดยาง หรือ MDF ก่อนขั้นตอนการปิดแผ่นลามิเนต หรือพ่นสี
- ใช้ทำโครงฝ้าเพดาน ฝ้าเพดานที่มีการตกแต่งด้วยแผ่นลามิเนต หรือปิดกระจก ควรใช้โครงเหล่านี้ ทำเป็นโครงสร้าง เนื่องจาก มีความแข็งแรงกว่าโครง C-Line เป็นอย่างมาก และทำให้สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า
![210513-Content-‘ไม้โครง’ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-07 210513-Content-'ไม้โครง'ที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-07](https://www.kacha.co.th/wp-content/uploads/2021/05/210513-Content-ไม้โครงที่ใช้ในงานงานเฟอร์นิเจอร์-มีคุณสมบัติอย่างไร-07.jpg)
- ใช้ทำตู้เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ไม้อัดยางในการทำ ต้องมีการขึ้นโครงภายใน เพื่อความแข็งแรงของตู้ จึงนิยมใช้ไม้โครง เนื่องจากสามารถขึ้นงานง่ายกว่านำไม้อัดยางมาเป็นโครง
- ใช้ทำระแนง ในกรณีที่มีการตกแต่งด้วยระแนง เราสามารถประยุกต์ ใช้ไม้โครงยางพาราแบบไร้รอยต่อ มาทำเป็นระแนงได้ เนื่องจาก สามารถย้อมสีได้ง่าย เพราะตัวไม้โครงยางพารา มีสีอ่อนอยู่แล้ว จึงขับสีย้อมให้เด่นชัดได้ง่ายนั่นเอง
จะเห็นว่าไม้โครงนั้น สามารถช่วยลดเศษไม้ได้อย่างมาก ทั้งสามารถนำมาใช้งานในวงการเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างหลากหลาย ดังนั้นการใช้งาน ควรเลือกให้เหมาะสมกับงาน ว่าต้องการทำโครงแบบไหน รับน้ำหนักหรือไม่ หรือจะนำไปย้อมสีพ่นสี ก็ควรเลือกให้เหมาะสมจึงจะงานที่มีคุณภาพตามต้องการ
>>สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย<<
บทความที่น่าสนใจ