6 เคล็ดลับ เลือกซื้อ โต๊ะสแตนเลสทำอาหาร ยังไงดี ให้คุ้มค่าที่สุด?

สำหรับคนที่รักการทำอาหารหรือวางแผนจะเปิดร้านอาหาร กำลังมองหา โต๊ะสแตนเลสทำอาหาร ที่แข็งแรงพอจะรับมือกับการสับ หั่น ทุบแรง ๆ ได้ใช่ไหมคะ แต่ในตลาดก็มีหลายเกรด หลายแบบให้เลือก ถ้าเลือกผิดอาจได้โต๊ะที่บุบง่าย เป็นสนิมไว หรือไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเลยก็ได้! บทความนี้เรามี 6 เคล็ดลับสำคัญ ที่คุณต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อโต๊ะสแตนเลส ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ ว่ามีอะไรบ้างที่เราไม่ควรมองข้าม! 👇

โต๊ะสแตนเลสทำอาหาร คือ โต๊ะที่ผลิตจากวัสดุ สแตนเลสสตีล (Stainless Steel) ซึ่งเป็นโลหะที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนต่อการเกิดสนิม ใช้ในงานอาหารได้ดี เพราะทำความสะอาดง่าย ไม่สะสมเชื้อโรค และทนต่อความชื้น ความร้อน และสารเคมีบางชนิด

โต๊ะสแตนเลส แบบนี้จึงถูกใช้กันอย่างแพร่หลายใน

• ครัวร้านอาหาร
• ครัวโรงอาหาร
• ครัวกลาง (Central Kitchen)
• โรงงานอาหาร
• คาเฟ่ – ร้านเบเกอรี่ และครัวเรือนที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ

เวลาไปซื้อโต๊ะสแตนเลสหรืออุปกรณ์ครัวต่าง ๆ เรามักจะได้ยินคำว่า สแตนเลส 304 หรือ สแตนเลส 201 ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกถึงส่วนผสมและความทนทาน ดังนี้ค่ะ

เกรด 304 คือ The Best สำหรับงานครัวอาหารโดยเฉพาะเลยค่ะ ส่วนประกอบหลักจะมี โครเมียม 18% และนิกเกิล 8% (เลยเรียกอีกชื่อว่า 18/8)

• คุณสมบัติ : ทนทานต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนสูงสุด, ทนกรด-ด่างได้ดีเยี่ยม, ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร, ปลอดภัย 100% สำหรับการสัมผัสอาหารโดยตรง
• เหมาะกับ : โต๊ะทำอาหาร, อ่างล้างจาน, หม้อ, กระทะ, อุปกรณ์แปรรูปอาหาร

เป็นเกรดที่ราคาถูกลงมา ส่วนประกอบหลักจะมีนิกเกิลน้อยกว่า 304 และใช้แมงกานีสมาทดแทน

• คุณสมบัติ : ยังคงทนทานในระดับหนึ่ง แต่ความทนทานต่อสนิมและการกัดกร่อนต่ำกว่า 304 มาก หากโดนความชื้นหรือกรด-ด่างแรง ๆ มีโอกาสเกิดสนิมได้ค่ะ
• เหมาะกับ : โครงสร้างที่ไม่สัมผัสอาหารโดยตรง เช่น โต๊ะร้านอาหาร, ขาโต๊ะ, งานตกแต่งที่ไม่โดนน้ำหรือสารเคมี

หากจะใช้ โต๊ะสแตนเลสทำอาหาร ที่มีการเตรียมอาหาร, สับ, หั่น, หรือโดนน้ำและเครื่องปรุงรสบ่อย ๆ ให้เลือกสแตนเลส เกรด 304 เพราะเกรดนี้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเกรดอื่นในด้านสุขอนามัยและความทนทานต่อสภาพแวดล้อมในครัวโดยเฉพาะ

ปัจจัยที่เราต้องนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อโต๊ะสแตนเลสทำอาหารได้แก่ 1) เกรดสแตนเลส 2) ความหนาของแผ่นสแตนเลส 3) โครงสร้างของโต๊ะ 4) ขาโต๊ะ 5) ชั้นวางของด้านล่าง 6) การเชื่อมรอยต่อ

ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผู้ขายระบุชัดเจนว่าเป็นสแตนเลส เกรด 304 สำหรับส่วนที่เป็นหน้าโต๊ะ (Top Surface) ซึ่งเป็นส่วนที่สัมผัสอาหารและโดนน้ำบ่อยที่สุด ส่วนขาโต๊ะหรือโครงสร้างด้านล่างอาจเป็นเกรด 201 ได้ 

• หน้าท็อปโต๊ะต้องเป็นเกรด 304 เท่านั้น เพราะเวลาทำอาหารเราต้องเจอทั้งน้ำ, น้ำส้มสายชู, น้ำมะนาว หรือน้ำปลาที่ทั้งเปรี้ยวและเค็ม สแตนเลสเกรด 304 (ที่มีโครเมียมและนิกเกิลสูง) มันจะสร้างเกราะป้องกันสนิมได้ดีที่สุด แถมยังปลอดภัยต่ออาหารมากที่สุดค่ะ
• สำหรับคนที่สงสัยว่าแล้วจะตรวจสอบให้แน่ใจได้อย่างไรว่าโต๊ะสแตนเลสเป็นเกรด 304 จริง ๆ สามารถคลิกเพื่ออ่าน👉 วิธีเช็คสแตนเลสแท้ 👈ได้เลยค่ะ

ความหนาของแผ่นสแตนเลสจะวัดเป็นเกจ (Gauge) ตัวเลขยิ่งน้อย แผ่นยิ่งหนาและแข็งแรง

• สำหรับครัวหนัก ควรเลือกความหนาที่เบอร์ 16 Gauge (ประมาณ 1.6 mm) หรือ 18 Gauge (ประมาณ 1.2 mm) ซึ่งแข็งแรงพอที่จะทนทานต่อแรงกระแทก การสับ และการรับน้ำหนักได้ดี ถ้าบางกว่านี้ (เช่น 20 Gauge) โต๊ะอาจบุบง่ายและเกิดเสียงดังเวลามีการทำงาน

หน้าโต๊ะสแตนเลสที่ดีไม่ควรมีแค่แผ่นสแตนเลสเปล่า ๆ นะคะ แต่ต้องมีการเสริมโครงสร้างด้านล่าง (ใต้ท็อป) ด้วยวัสดุอย่างไม้หรือเหล็กกล่อง เพื่อช่วยซับแรงและซับเสียง เวลาที่เราสับหรือทุบของ โต๊ะจะได้ไม่ยุบตัวหรือโก่งงอเมื่อรับน้ำหนักเยอะ ๆ

• ขาต้องมั่นคง ขาโต๊ะควรทำจากท่อสแตนเลสที่แข็งแรงและมีขนาดที่เหมาะสม
• หากต้องติดตั้งในพื้นที่ที่ไม่เรียบ โต๊ะต้องมี ตัวปรับระดับ (Adjustable Levelers) ที่ปลายขา ตัวนี้สำคัญมากค่ะ เพราะพื้นครัวส่วนใหญ่มักไม่เรียบ ตัวปรับระดับจะช่วยให้เราปรับความสูงโต๊ะได้ และมั่นใจได้ว่าโต๊ะสามารถตั้งได้อย่างมั่นคง ไม่โยกเยกขณะทำงาน

• ควรเลือกโต๊ะที่มีชั้นวางของด้านล่าง (Undershelf) เพื่อใช้ในการจัดเก็บอุปกรณ์ครัวหนัก ๆ หรือวัตถุดิบต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ
• วัสดุของชั้นวาง แม้ว่าหน้าท็อปต้องเป็นเกรด 304 แต่ชั้นวางของด้านล่างสามารถเป็นสแตนเลสเกรด 201 หรือเหล็กอาบสังกะสี (Galvanized Steel) ที่มีราคาถูกกว่าได้ เนื่องจากไม่สัมผัสอาหารโดยตรงค่ะ

ตรวจสอบงานเชื่อมของรอยต่อต่าง ๆ (โดยเฉพาะบริเวณหน้าโต๊ะกับขอบ) รอยเชื่อมที่ดีต้องมีความเรียบเนียน ได้รับการขัดเงาอย่างดี และไม่มีคม

• งานเชื่อมที่เรียบเนียนจะช่วย ป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อโรค ตามร่องรอยต่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับสุขอนามัยในครัว

การดูแลโต๊ะสแตนเลสเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ก็มีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ดังนี้ค่ะ

• เช็ดทำความสะอาดทันที เมื่อมีคราบอาหาร, กรด, หรือสารเคมีหกใส่ ควรเช็ดออกทันทีด้วยผ้าสะอาดและน้ำยาล้างจาน/น้ำสบู่
• เช็ดตามแนวลาย เวลาเช็ดทำความสะอาด ให้สังเกตแนวลายของสแตนเลส (เหมือนเวลาเราลูบขนแมว) แล้วเช็ดไปในทิศทางเดียวกัน การทำแบบนี้จะช่วยให้คราบต่าง ๆ ออกได้ง่ายขึ้นและลดการเกิดรอยขีดข่วนที่ไม่จำเป็นได้ค่ะ
  • หากมีคราบฝังแน่น หรือสนิมเล็กน้อย ให้ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำเล็กน้อยให้เป็นเนื้อครีม (Paste) ขัดเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสแตนเลสโดยเฉพาะ
• หลีกเลี่ยงการใช้ฝอยขัดหม้อโลหะ เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนอย่างรุนแรง ควรใช้ฟองน้ำหรือแผ่นใยขัดแบบอ่อน (Non-Abrasive Scrubber)
  • ถึงแม้สแตนเลสจะทนต่อการเกิดสนิม แต่ถ้ามีคราบของเหล็กอื่น ๆ (เช่น เศษฝอยขัดหม้อที่เป็นเหล็ก) ตกค้างอยู่ ก็อาจทำให้เกิด “สนิมจากภายนอก” (Flash Rust) ได้ ดังนั้นห้ามใช้ฝอยขัดเหล็กทั่วไปขัดเด็ดขาด!
• หลีกเลี่ยงสารฟอกขาว (Bleach) หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีคลอไรด์สูง (High Chloride Content) เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถกัดกร่อนฟิล์มโครเมียมออกไซด์ และทำให้เกิดสนิมได้ในระยะยาว (Pitting Corrosion) ได้ค่ะ

โต๊ะสแตนเลส ไม่ใช่แค่โต๊ะธรรมดา แต่เป็นการลงทุนเพื่อ สุขอนามัยและความทนทาน ในครัวของเรา การเลือกเกรด 304 ที่มีความหนาและโครงสร้างที่แข็งแรงตาม 6 เคล็ดลับที่เราแนะนำไป จะช่วยให้ทุกคนได้พื้นที่ทำงานที่สะอาดปลอดภัย ทนทานต่อการใช้งานหนักได้อย่างแท้จริง

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโต๊ะสแตนเลสที่มั่นใจได้ทั้งเรื่องคุณภาพเกรด 304 และงานเชื่อมที่ประณีต อย่าลืมพิจารณาโต๊ะสแตนเลส จาก KACHA แบรนด์ที่เข้าใจความต้องการของทุกคน! สามารถเข้าไปดูตัวเลือกต่าง ๆ ทั้งแบบ โต๊ะเตรียมอาหาร โต๊ะพับ โต๊ะพับกลม บนเว็บไซต์ หรือ Line: @kachathai นะคะ💖