ทองเหลือง คืออะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง? ทำความรู้จักโลหะผสมสีทองที่อยู่ในชีวิตประจำวัน

อัปเดตเมื่อ วันที่ 26 กันยายน 2025

ทองเหลือง คืออะไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง? ทำความรู้จักโลหะผสมสีทองที่อยู่ในชีวิตประจำวัน

หลายคนอาจจะเคยสังเกตเห็น ข้อต่อทองเหลือง ตามก๊อกน้ำหรือท่อประปาที่บ้านมาบ้าง ซึ่งสีทองเงาวับแวววาวของมันทำมาจาก ทองเหลือง (Brass) นั่นเองค่ะ แต่หากถามว่า ทองเหลือง คืออะไร หลายคนก็อาจจะตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ วันนี้เราเลยพามาทำความรู้จักกันว่า ทองเหลือง คืออะไร มีคุณสมบัติอะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง แล้วข้อเสียคืออะไร ขึ้นสนิมไหม ถ้าพร้อมแล้วตามเราไปดูกันเล้ยยย!

ทองเหลือง คืออะไร?

ทองเหลือง หรือ Brass คือ โลหะผสม (Alloy) ชนิดหนึ่ง เป็นโลหะที่เกิดจากการเอา ทองแดง (Copper – Cu) และสังกะสี (Zinc – Zn) มาหลอมรวมกัน ในสัดส่วนที่แตกต่างกันค่ะ

ทองเหลืองมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?

อย่างที่อธิบายไปข้างบนค่ะว่า ทองเหลือง ประกอบด้วย ทองแดง และ สังกะสี 

  • ทองแดง ถือว่าเป็นส่วนประกอบหลักเลยค่ะ โดยปกติจะมีสัดส่วนมากกว่า 50% 
  • สังกะสี คือส่วนประกอบรอง เป็นตัวที่มาผสมเพื่อให้ได้คุณสมบัติต่าง ๆ ที่ต้องการ สัดส่วนของสังกะสีจะอยู่ระหว่าง 5% ถึง 45%

หากให้อธิบายง่าย ๆ ทองเหลืองก็เหมือนกับ “สูตรอาหาร” ที่มีวัตถุดิบหลักคือทองแดงกับสังกะสี นี่แหละค่ะ พอเปลี่ยนอัตราส่วนของสังกะสีนิดหน่อย ก็จะได้ทองเหลืองที่มีคุณสมบัติและสีที่แตกต่างกันออกไปเลย! เช่น

  • ถ้า มีทองแดงเยอะ → สีออกแดงอมเหลือง แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน
  • ถ้า มีสังกะสีเยอะ → สีเหลืองอ่อนคล้ายทอง ราคาถูกกว่า และขึ้นรูปง่าย

ทองเหลือง คุณสมบัติ มีอะไรบ้าง?

ทองเหลือง (Brass)

คุณสมบัติเด่นของทองเหลือง คือ มีสีเหลืองทองและมันวาวสวยงามคล้ายทองคำ เหนียวและขึ้นรูปง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อน แข็งแรงและทนทาน ฆ่าเชื้อได้เอง นำไฟฟ้าและความร้อนได้ดี และสุดท้ายคือ ปลอดภัย ไม่เกิดประกายไฟ อ่านรายละเอียดได้ด้านล่างนี้เลยค่ะ

สีเหลืองทองและมันวาวสวยงามคล้ายทองคำ

  • สีเหลืองทอง เป็นจุดขายหลักที่ทำให้ทองเหลืองถูกนำไปใช้ในงานตกแต่งและเครื่องประดับเลยค่ะ เพราะมีความเงางาม ดูหรูหราคล้ายทองคำในราคาที่เข้าถึงได้
  • ความมันวาว ผิวของทองเหลืองมีความแวววาวและขัดเงาได้ง่าย ทำให้ดูสวยงามอยู่เสมอ

เหนียวและขึ้นรูปง่าย

  • ขึ้นรูปง่าย ทองเหลืองมีคุณสมบัติที่เรียกว่า ความอ่อนตัว (Ductility) และ ความเหนียว (Malleability) สูง ทำให้สามารถนำไปขึ้นรูปได้หลากหลายวิธี ทั้งการหล่อ (Casting), การรีดเป็นแผ่น/แท่ง (Rolling/Extrusion), หรือการตีขึ้นรูปร้อน (Hot Forging)
  • ตัดเฉือนง่าย ทองเหลืองบางเกรดที่ผสมตะกั่ว (Lead – Pb) เข้าไปเล็กน้อย จะสามารถนำไปกลึงหรือตัดเฉือนด้วยเครื่องจักรได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผลิตชิ้นส่วนที่มีความแม่นยำสูงได้รวดเร็ว (เช่น ชิ้นส่วนนาฬิกาหรือวาล์ว) เหมาะสำหรับทำอุปกรณ์ที่ต้องการความละเอียด

ทนทานต่อการกัดกร่อน

  • ไม่เป็นสนิมเหล็ก ทองเหลืองมีความทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาวะปกติได้ดีมาก ๆ ค่ะ ไม่เกิดสนิมแดงเหมือนเหล็ก เรียกได้ว่าเป็นวัสดุที่เพอร์เฟกต์แบบสำหรับงานที่ต้องสัมผัสน้ำหรือความชื้นบ่อย ๆ เช่น งานประปา วาล์ว ก๊อกน้ำ

ข้อควรระวัง: อย่างไรก็ตาม หากมีสังกะสีในปริมาณสูงเกินไป และสัมผัสกับน้ำที่มีคลอรีนหรือน้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การแยกสังกะสี” (Dezincification) ได้ ซึ่งทำให้เนื้อโลหะเปราะลง

แข็งแรงและทนทาน

ความแข็งแรงและเหนียว ทองเหลืองมีคุณสมบัติที่สมดุลระหว่างความแข็งแรงและความเหนียว (Strength and Toughness) ทำให้ชิ้นงานไม่เปราะหรือแตกหักง่ายเมื่อถูกกระแทกหรือรับแรงดึง แม้ไม่แข็งเท่าเหล็ก แต่ก็ทนทานต่อแรงกด แรงดึง และใช้งานได้นาน

ฆ่าเชื้อได้เอง

ฆ่าเชื้อได้เอง ทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของทองเหลือง มีฤทธิ์ในการต้านทานเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคบางชนิด ทำให้เชื้อโรคอยู่บนพื้นผิวทองเหลืองได้ยากและตายเร็วกว่าบนพื้นผิวอื่น ๆ นี่เลยเป็นสาเหตุที่ลูกบิดประตู ราวบันได หรือพื้นผิวสัมผัสในอาคารสาธารณะหลายแห่งทำจากทองเหลืองนั่นเองค่ะ😉

นำไฟฟ้าและความร้อนได้ดี

  • นำไฟฟ้าได้ดี แม้จะไม่ดีเท่าทองแดงบริสุทธิ์ แต่ทองเหลืองยังคงนำไฟฟ้าได้ดีพอสมควร จึงใช้ในขั้วต่อไฟฟ้าได้
  • นำความร้อนได้ดี (แต่ก็นำความร้อนได้น้อยกว่าทองแดงบริสุทธิ์และสำริดบางชนิด)

ปลอดภัย ไม่เกิดประกายไฟ

  • เวลาเสียดสีกับโลหะอื่น จะไม่ทำให้เกิดประกายไฟ จึงปลอดภัยเมื่อนำไปใช้ในโรงงานหรือพื้นที่เสี่ยงระเบิด

ลักษณะการใช้งานของทองเหลือง

ทองเหลืองถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายอย่างอย่างที่เรากล่าวไปแล้วข้างบน ซึ่ง ลักษณะการใช้งานของทองเหลือง หลัก ๆ มี 5 แบบ คือถูกนำไปใช้ใน 1. งานประปาและระบบน้ำ 2. งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. งานตกแต่ง สถาปัตยกรรม และเครื่องประดับ 4. อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี รวมไปถึง 5. งานอื่น ๆ ที่ต้องการความทนทานและการขึ้นรูปง่าย รายละเอียดมีดังนี้

1. งานประปาและระบบน้ำ (เนื่องจากทนทานต่อการกัดกร่อน)

ข้อต่อทองเหลือง
  • ข้อต่อ ท่อ และวาล์ว ทองเหลืองเป็นวัสดุหลักในการทำชิ้นส่วนที่สัมผัสกับน้ำโดยตรง เพราะทนทานต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ดี ได้แก่
    • ก๊อกน้ำทองเหลือง กลไกภายในที่ทำจากทองเหลือง เช่น วาล์วเซรามิก หรือแกนควบคุมการไหลของน้ำ จะ ไม่ติดขัดหรือฝืด จากการกัดกร่อน ทำให้การเปิด-ปิดน้ำราบรื่นและทนทานต่อการใช้งานหนักในแต่ละวัน สามารถอ่านการทำงานและประเภทเพิ่มเติมได้ในบทความ “ก๊อกน้ำ” คุณสมบัติที่น่ารู้ ก่อนนำไปใช้งาน
    • วาล์วน้ำทองเหลือง วาล์วมีหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำ (เปิด/ปิด) และมักต้องรับแรงดันสูง การใช้ทองเหลืองทำให้โครงสร้างวาล์ว ไม่บวมหรืออ่อนตัว เมื่อเจอแรงดันต่อเนื่อง และชิ้นส่วนที่หมุนหรือเคลื่อนที่ภายในก็ไม่เกิดคราบผุกร่อนที่ทำให้วาล์ว ติดขัด หรือ รั่วซึม
    • ข้อต่อท่อต่าง ๆ (Fitting) ที่ทำจากทองเหลือง สามารถขัน แนบสนิท เข้ากับท่อหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างมั่นคง ป้องกันการรั่วซึมได้ดีเยี่ยม เช่น
      • ข้อต่อตรงทองเหลือง นำไปใช้เชื่อมต่อท่อหรือสายยาง 2 เส้นเข้าด้วยกัน ใช้ทองเหลืองเพื่อสร้างข้อต่อที่แข็งแรงและมีเกลียวที่แน่น เมื่อเชื่อมท่อสองเส้นเข้าด้วยกัน
      • ข้อต่อทองเหลือง ตัว L ข้อต่อตัว L มุมฉาก 90° ช่วยให้สามารถเดินท่อไปยังทิศทางที่ต้องการได้สะดวกและมีประสิทธิภาพ ใช้ทองเหลืองเพื่อให้ จุดเปลี่ยนทิศทาง มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ 
      • ข้อต่อสามทางทองเหลือง เป็นข้อต่อรูปตัว T สามทางออก ใช้ทองเหลืองเพื่อให้ จุดเปลี่ยนทิศทาง ไม่เกิดการแตกร้าวจากแรงดันหรือการสั่นสะเทือน
      • นิปเปิ้ลทองเหลือง เป็นชิ้นส่วนที่มีเกลียวทั้งสองด้าน ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์สองชิ้นเข้าด้วยกัน การใช้วัสดุทองเหลืองช่วยให้เกลียวมีความแข็งแรงไม่บิ่นง่าย และสามารถรับแรงขันได้ดี
  • อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน ใช้ทำหม้อน้ำ (Radiator) และท่อในระบบปรับอากาศ เนื่องจากมีการนำความร้อนที่ดี

2. งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (เนื่องจากนำไฟฟ้าได้ดีพอสมควร)

เฟืองทองเหลือง
  • ขั้วต่อและจุดสัมผัสไฟฟ้า ใช้ทำปลั๊ก ตัวเชื่อมต่อ (Connector) และขั้วแบตเตอรี่ เพราะมีความนำไฟฟ้าที่ดีพอสมควรและทนทาน
  • ส่วนประกอบเครื่องจักร ใช้ทำบูช (Bushings), เฟือง (Gears) และแบริ่ง (Bearings) ที่ต้องการความทนทานต่อการสึกหรอและแรงเสียดทานต่ำ

3. งานตกแต่ง สถาปัตยกรรม และเครื่องประดับ (เนื่องจากความสวยงามคล้ายทองคำ)

ลูกบิดประตูทองเหลือง
  • ฮาร์ดแวร์อาคาร เช่น ลูกบิดประตู มือจับ ราวบันได และบานพับ เพราะมีความสวยงาม ดูหรูหรา และทนทาน
  • งานศิลปะและของใช้ในครัวเรือน ใช้ทำเครื่องทองเหลืองต่าง ๆ เช่น แจกัน ขัน พาน โคมไฟ รวมถึงเครื่องประดับ (Jewelry)
  • เครื่องครัว เช่น กระทะทองเหลืองสำหรับทำขนมไทย (ทองหยิบ, ฝอยทอง) เนื่องจากกระจายความร้อนได้ดีและสม่ำเสมอ

4. อุตสาหกรรมเครื่องดนตรี (เนื่องจากมีคุณสมบัติทางเสียงที่ดี)

เครื่องดนตรีประเภทเป่าทองเหลือง (Brass Instruments)
  • เครื่องดนตรีประเภทเป่าทองเหลือง (Brass Instruments) เช่น แซกโซโฟน (Saxophone), ทรัมเป็ต (Trumpet), ทรอมโบน (Trombone)
  • เครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ใช้ทำฉาบ (Cymbals)

5. งานอื่น ๆ ที่ต้องการความทนทานและการขึ้นรูปง่าย

ปลอกกระสุนปืนทองเหลือง
  • อาวุธและยุทโธปกรณ์ เช่น ปลอกกระสุนปืน (Cartridge Case) เพราะมีความเหนียวและยืดหยุ่นสูง
  • ซิปและหมุดย้ำ ใช้ทำซิป (Zippers) และหมุดย้ำ (Rivets)
  • เหรียญกษาปณ์ ทองเหลืองบางชนิดที่มีสังกะสีต่ำ (Gilding Metal) ใช้ในการผลิตเหรียญ

ทองเหลืองบางเกรดยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อจุลินทรีย์ (Antimicrobial) ตามธรรมชาติ เนื่องจากมีส่วนประกอบของทองแดง ทำให้มีการนำไปใช้ในบริเวณที่ต้องการสุขอนามัย เช่น ลูกบิดประตูในโรงพยาบาลหรือสถานที่สาธารณะด้วย

ตารางสรุป ทองเหลือง ใช้ทำอะไรบ้าง?

เราได้สรุปมาให้แล้วค่ะว่าทองเหลืองนำไปใช้ทำอะไรบ้าง ทุกคนสามารถดูตารางสรุปการใช้งานจากภาพนี้ได้เลยค่ะ

ตารางสรุป ทองเหลือง ใช้ทำอะไรบ้าง?

ข้อเสียของทองเหลือง

เกิดคราบและหมองคล้ำได้เร็ว

ทองเหลืองขึ้นชื่อเรื่องความสวยคล้ายทอง แต่พอใช้ไปเรื่อย ๆ จะเกิดปฏิกิริยากับอากาศและความชื้น ทำให้เกิด คราบดำหรือคราบสีเขียว (Patina) เกาะที่ผิวได้ง่ายมาก ถ้าหากใครชอบความเงาวับเหมือนใหม่ ก็ต้องขยัน ขัดทำความสะอาด บ่อยเป็นพิเศษค่ะ

ความเสี่ยงต่อการผุกร่อนเฉพาะจุด (Dezincification)

การผุกร่อนเฉพาะจุดเป็นปัญหาใหญ่สุดของทองเหลืองเลยค่ะ โดยเฉพาะในเกรดที่มีปริมาณสังกะสีสูง (มากกว่า 15%) เมื่อสัมผัสกับน้ำที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (เช่น น้ำที่มีคลอไรด์สูง น้ำอ่อน หรือน้ำที่มีอุณหภูมิสูง) สังกะสี (Zinc) จะถูกชะล้างออกไปจากโลหะผสม

ราคาค่อนข้างสูง

เมื่อเทียบกับโลหะอื่น ๆ ที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างหรืออุตสาหกรรมอย่างเหล็กกล้า (Steel) หรืออะลูมิเนียม ทองเหลืองมีราคา แพงกว่า พอสมควรเลยค่ะ เพราะส่วนประกอบหลักอย่างทองแดงนั้นมีราคาสูงนั่นเอง

สำหรับงานตกแต่งและงานที่ต้องการความทนทานต่อสนิม ทองเหลืองถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ แต่ต้องแลกมาด้วยการดูแลรักษาที่เยอะขึ้น และต้องเลือกเกรดให้ถูกกับงาน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำค่ะ

ทองเหลืองขึ้นสนิมหรือไม่?

ก๊อกน้ำทองเหลือง

ทองเหลือง ไม่เป็นสนิม ในความหมายทางเคมีดั้งเดิม แต่สามารถ “เปลี่ยนสี” หรือ “หมองคล้ำ” ได้ เพราะเกิด การออกซิเดชัน โดยเฉพาะจากทองแดงที่อยู่ในเนื้อโลหะ เมื่อเจออากาศ ความชื้น เหงื่อ หรือสารเคมีในสิ่งแวดล้อม ผลที่เกิดขึ้นคือ

  • สีผิวโลหะจะคล้ำลงเป็นสีน้ำตาล
  • ในบางกรณีถ้าโดนความชื้นและสารซัลเฟอร์ (เช่น ควันบุหรี่ หรือมลพิษ) นาน ๆ จะเกิด คราบสีเขียว ที่เรียกว่า สนิมทองแดง (Copper Patina / Verdigris)
  • สามารถแก้ได้ด้วยการ ขัดทำความสะอาด หรือเคลือบผิวด้วยแลกเกอร์/น้ำยาเคลือบโลหะ

การเลือกเกรดทองเหลืองที่เหมาะสมกับการใช้งานและการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้วัสดุที่ทำจากโลหะผสมอย่าง ทองเหลือง สวยงามและใช้งานได้อย่างยาวนาน ✨

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะคะ เมื่ออ่านบทความนี้จบ ทุกคนก็คงเข้าใจแล้วว่า ทองเหลือง หรือ Brass คืออะไร รวมถึงได้รู้จักคุณสมบัติและข้อดี-ข้อเสียของมันกันแล้วนะคะ

สำหรับใครที่กำลังมองหาข้อต่อที่ทำจากทองเหลือง สามารถเลือกซื้อข้อต่อทองเหลืองคุณภาพดีใน KACHA ได้เล้ยยย สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากแล้วอยากได้สินค้าราคาส่งก็สามารถ ติดต่อเซลล์ Kacha มาได้เลยนะคะ🥰

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย