
อัปเดตเมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2025
การ “ชุบซิงค์” คืออะไร กันสนิมได้จริงไหม ต่างจากกัลวาไนซ์อย่างไร?
สวัสดีค่ะทุกคน ถ้าคุณกำลังต่อเติมบ้าน เปลี่ยนโครงเหล็ก หรือทำโครงหลังคา ต้องรู้จัก เหล็ก ยอดนิยมอย่าง เหล็กชุบซิงค์ กันมาบ้างใช่ไหมคะ? หรืออาจจะเคยได้ยินคนเรียกว่า กัลวาไนซ์ แล้วกำลังสับสนว่ามันเหมือนกันไหม บทความนี้เราเลยจะพาไปรู้จักกับการ ชุบซิงค์ ว่ามันคืออะไร ทำไมเราถึงต้องชุบซิงค์ มีประโยชน์ยังไง แล้วเหมือนหรือต่างกับการ ชุบกัลวาไนซ์ ถ้าพร้อมแล้วไปดูคำตอบกันค่ะ
ชุบซิงค์ คืออะไร?

ชุบซิงค์ คือ การ เคลือบผิวโลหะด้วยสังกะสี (Zinc) โดยใช้กระบวนการ “ไฟฟ้าเคมี” (Electroplating หรือเรียกอีกชื่อว่า “ชุบสังกะสีด้วยไฟฟ้า” กระบวนการคือ การนำเหล็กหรือโลหะไปแช่ในน้ำยาเคมีที่มีไอออนของซิงค์ แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้า จากนั้นซิงค์จะเคลือบติดบนผิวเหล็กค่ะ
สังกะสี (Zinc) เป็นธาตุโลหะชนิดหนึ่งที่ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับอากาศและความชื้น จึงสามารถป้องกัน สนิม ได้ดีเลยล่ะค่ะ
คุณสมบัติของการชุบซิงค์
- ผิวจะเรียบ มันเงา
- ป้องกันสนิมได้ระดับหนึ่ง
- เหมาะกับงานภายใน (indoor)
- เคลือบซิงค์บางกว่ากัลวาไนซ์มาก (โดยทั่วไป 5 – 25 ไมครอน)
- สีผิวอาจเป็นซิลเวอร์, ฟ้า, เหลืองทอง หรือรุ้ง ขึ้นอยู่กับน้ำยาเคลือบ
งานที่นิยมชุบซิงค์ เช่น
- สกรู น็อต พุกเหล็ก
- โครงสร้างเล็ก ๆ ในเครื่องจักร
- ชิ้นส่วนรถยนต์
- อุปกรณ์ตกแต่งภายใน
การชุบซิงค์ ต่างกับ การชุบกัลวาไนซ์ อย่างไร?
การชุบซิงค์ แตกต่างกับ การชุบกัลวาไนซ์ อยู่มากเลยค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน เราไปรู้จักกับ กัลวาไนซ์ กันก่อนดีกว่า

กัลวาไนซ์ คืออะไร?
กัลวาไนซ์ (Galvanizing) คือการ เคลือบเหล็กด้วยสังกะสี (Zinc) โดยการจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing) อธิบายง่าย ๆ คือ “เอาเหล็กไปอาบน้ำซิงค์หลอมเหลว” ที่อุณหภูมิประมาณ 450°C ทำให้ซิงค์ละลายซึมเข้าเนื้อเหล็ก เกิดเป็นชั้นป้องกันหนา แข็งแรง และทนต่อการกัดกร่อนได้สูง

หลายคนมักใช้คำว่า “ชุบซิงค์” และ “กัลวาไนซ์” สลับกันไปมา แต่ในทางเทคนิคแล้วมันมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อความทนทานและราคาโดยตรงอยู่ค่ะ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นความแตกต่าง เราไปดูตารางเปรียบเทียบความแตกต่างกันเลยดีกว่าค่ะ
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของการ ชุบซิงค์ กับ กัลวาไนซ์
| คุณสมบัติ | ชุบซิงค์ (Zinc Plating) | กัลวาไนซ์ (Hot-dip Galvanizing – HDG) |
| วิธีการเคลือบ | ชุบด้วยไฟฟ้า (Electroplating) | ชุบแบบจุ่มร้อน (จุ่มในสังกะสีหลอมเหลว) |
| ความหนาของชั้นเคลือบ | บางมาก (โดยทั่วไป 5-10 ไมครอน) | หนามาก (โดยทั่วไป 60-300 ไมครอน) |
| ความทนทานสนิม | ปานกลาง เหมาะกับงานในร่ม/พื้นที่ความชื้นต่ำ | สูงมาก ทนทานนานหลายสิบปี เหมาะกับงานภายนอก |
| รูปลักษณ์/ผิวสัมผัส | ผิวเรียบเนียน เงางาม สวยงาม ทำสีได้หลากหลาย (ขาว, รุ้ง) | ผิวหยาบ เป็นสีเทาด้าน มีรอยหยดหรือคราบสังกะสีบ้าง |
| การใช้งานหลัก | ชิ้นส่วนขนาดเล็ก, สกรู, น็อต, อะไหล่รถยนต์, งานตกแต่งในอาคาร | โครงสร้างขนาดใหญ่, เสาไฟ, ท่อประปา, ราวกันตก, งานริมทะเล/พื้นที่กัดกร่อนสูง |
| ราคา | ราคาถูกกว่า | ราคาสูงกว่า |
ความแตกต่างระหว่าง ชุบซิงค์ กับ กัลวาไนซ์ ที่แยกได้ชัดเจนที่สุดคือ วิธีการเคลือบ และ ความหนาของชั้นสังกะสี
- ชุบซิงค์ เหมาะกับงานเล็ก เน้นความสวยงาม เหมาะกับงานที่ไม่เจอสภาพอากาศรุนแรง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร เครื่องมือ เพราะราคาประหยัด และผิวเรียบสวย
- กัลวาไนซ์ เน้น ความทนทานสูงสุด เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน เหมาะกับงานกลางแจ้งและงานโครงสร้าง เช่น เสาเหล็ก, โครงหลังคา, งานโครงสร้าง เพราะทนแดด ทนฝน และอยู่ได้เป็นสิบปี
การชุบซิงค์มีกี่แบบ?
หลังจากการชุบซิงค์ด้วยไฟฟ้าเสร็จสิ้น ชิ้นงานจะต้องผ่านกระบวนการ “การเคลือบโครเมต” (Chromate Conversion Coating) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนและกำหนดสีสันของผิวเคลือบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่างนิยมเรียกกันตามสีที่ปรากฏ การชุบซิงค์ในบทความนี้เราจะแบ่งตามสีของสารเคลือบ ซึ่งมี 3 แบบ ได้แก่ ซิงค์ขาว, ซิงค์เหลือง (รุ้ง), และซิงค์ดำ
ซิงค์ดำ (Black Zinc)
- ชื่อเรียกทั่วไป : ชุบดำ
- คุณสมบัติเด่น : ให้สีดำด้านหรือกึ่งเงา เน้นความสวยงามและซ่อนตัว มักใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์หรือชิ้นส่วนกลไกที่ต้องการสีเข้ม แต่ความทนทานอาจน้อยกว่าซิงค์รุ้ง

ซิงค์ขาว (Clear/Blue Zinc)
- ชื่อเรียกทั่วไป : ชุบขาว, ชุบซิงค์เงิน
- คุณสมบัติเด่น : ผิวเรียบเงา สวยงาม ให้สีขาว/ฟ้าจางๆ เหมาะกับงานตกแต่งที่อยู่ในร่ม หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่มีความชื้นสูง

ซิงค์รุ้ง/ซิงค์เหลือง (Yellow Zinc)
- ชื่อเรียกทั่วไป : ชุบรุ้ง, ชุบซิงค์เหลือง
- คุณสมบัติเด่น : ทนทานต่อสนิมได้ดีกว่าซิงค์ขาว เนื่องจากชั้นโครเมตหนากว่า มีสีเหลืองทองจนถึงมีรุ้งสะท้อน เหมาะกับงานภายนอกอาคารที่ต้องการความทนทานปานกลางถึงสูง เช่น น็อต สกรู เฟอร์นิเจอร์ และอะไหล่ที่ต้องเจอความชื้น

ประโยชน์ของการชุบซิงค์
เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า ทำไมต้องชุบซิงค์? คำตอบคือ การชุบซิงค์มีข้อดีและมีประโยชน์เยอะมากกกกกก โดยเฉพาะในงานที่ต้องเจอสภาพอากาศแบบกลางแจ้ง หรือโดนความชื้น หลายอุตสาหกรรมเลยนิยมใช้วัสดุชุบซิงค์ค่ะ
- ป้องกันสนิมและการกัดกร่อนขั้นเทพ ช่วยให้เหล็กมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นหลายสิบปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องเจอกับความชื้นสูง
- เพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน เหล็กที่ผ่านการชุบซิงค์ช่วยเสริมความทนทานต่อสภาพอากาศและการสึกหรอได้ดีขึ้น ทำให้เหมาะสำหรับโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักหรือชิ้นส่วนที่ต้องทำงานหนัก
- ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายในการชุบเริ่มต้น แต่เมื่อเทียบกับค่าซ่อมแซม เปลี่ยนชิ้นส่วน หรือค่าทาสีกันสนิมซ้ำ ๆ ในอนาคต การเลือกชุบซิงค์ถือว่าคุ้มค่ากว่ามากค่ะ
- ความสวยงามและหลากหลายสีสัน การชุบซิงค์แบบไฟฟ้า (Electroplating) สามารถทำสีได้หลากหลาย เช่น ซิงค์ขาว (เงา สวยงาม) หรือ ซิงค์รุ้ง/เหลือง (ทนทานการกัดกร่อนได้ดีขึ้น) ทำให้ชิ้นงานดูดี มีมูลค่า และเป็นมืออาชีพค่ะ
ตัวอย่างการใช้งานชุบซิงค์ ในงานช่าง
ช่างมักเลือกใช้ สกรูปลายสว่าน ที่ทำจากวัสดุเหล็กและถูกนำมา “ชุบซิงค์รุ้ง” ในงานยึดติดโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานปานกลางถึงสูง อย่างเช่น ในการติดตั้งแผ่นเมทัลชีท หรือ โครงเบาสำหรับงานภายในอาคาร เช่น

สกรูปลายสว่านหัวเตเปอร์ ชุบรุ้ง เบอร์ 8 การชุบซิงค์รุ้งช่วยปกป้องสกรูจากความชื้นในอากาศ ใช้งานได้อเนกประสงค์ ทั้งงานเหล็กและไม้ มักถูกใช้ติดตั้งในร่มหรือภายนอกอาคารที่สะภาพแวดล้อมไม่รุนแรง

สกรูปลายสว่าน หัวหกเหลี่ยม + แหวนยางรองน็อต วัสดุเหล็กชุบซิงค์รุ้ง เหมาะสำหรับงานหลังคาเมทัลชีทและโครงสร้างเหล็กทุกชนิด การเคลือบซิงค์รุ้งในน็อตยึดหลังคาสำคัญมากค่ะ เพราะต้องเผชิญกับน้ำฝนและความชื้นโดยตรง การชุบซิงค์รุ้งจึงเป็นเกราะป้องกันสนิมชั้นดี เพื่อยืดอายุการใช้งานของการยึดติด
ข้อจำกัดของการ ชุบซิงค์
แม้การชุบซิงค์จะเป็นเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่เราควรจะรู้ไว้ ดังนี้
- ป้องกันสนิมได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น การชุบซิงค์ช่วย ป้องกันสนิมเฉพาะบนพื้นผิวชั้นนอก เท่านั้น ถ้าเกิดรอยขีดข่วน การกระแทก หรือการสึกหรอจนถึงเนื้อเหล็ก จุดนั้นจะเริ่มเกิดสนิมได้ทันที
- อายุการใช้งานสั้นกว่ากัลวาไนซ์ การชุบซิงค์แบบไฟฟ้ามีชั้นเคลือบบาง (5-10 ไมครอน) ทำให้มีอายุการใช้งานสั้นกว่ากัลวาไนซ์ ที่เป็นการชุบแบบจุ่มร้อน (HDG) มาก
- ไม่เหมาะกับการใช้งานในสภาวะรุนแรง เช่น พื้นที่ชายทะเล (มีไอเกลือ), โรงงานสารเคมี, หรือพื้นที่ที่มีมลพิษสูง เพราะชั้นซิงค์จะถูกกัดกร่อนหมดไปอย่างรวดเร็ว
- อาจเกิดปัญหา Hydrogen Embrittlement (เปราะแตกจากไฮโดรเจน) ในกระบวนการชุบโลหะด้วยไฟฟ้าอาจทำให้ไฮโดรเจนแทรกซึมเข้าไปในโครงสร้างของเหล็ก การสะสมของไฮโดรเจนนี้อาจทำให้ชิ้นงาน แตกเปราะ ได้เมื่อใช้งานภายใต้แรงดึงหรือแรงเค้น การชุบซิงค์จึงไม่เหมาะกับชิ้นส่วนที่รับแรงดึงหรือแรงกระแทกสูง เช่น เพลา หรือเหล็กเกรด 12.9 อย่าง สกรูหัวจมหกเหลี่ยม สกรูดำ เกรด 12.9
- ไม่ทนความร้อนสูง เมื่ออุณหภูมิเกิน 250°C ซิงค์จะเริ่มระเหยและเสื่อมสภาพ จึงไม่เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์, ระบบท่อไอเสีย, หรือโครงเตา
หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของการ ชุบซิงค์ นะคะ และทุกคนสามารถนำความรู้ในเรื่องนี้ไปปรับใช้ในการเลือกซื้อวัสดุคุณภาพได้เลยนะ!
Kacha เรามีสกรู ที่ผลิตจากเหล็กคุณภาพสูงและผ่านกระบวนการชุบซิงค์รุ้งตามมาตรฐาน ให้การป้องกันสนิมอย่างมีประสิทธิภาพให้เลือกซื้อ สามารถ ติดต่อเซลล์ Kacha เพื่อรับราคาส่งได้นะคะ หรือจะมาตรวจสอบคุณภาพที่โชว์รูม พร้อมปรึกษาช่างแบบฟรี ๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ🤩
ขอบคุณข้อมูลจาก
American Galvanizers Association. What is Galvanizing?. https://galvanizeit.org/hot-dip-galvanizing/what-is-galvanizing
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย




