หน้าแรก > หมวดหมู่สินค้า > สกรูเกลียวมิล น็อตเกลียวมิล

สกรูเกลียวมิล น็อตเกลียวมิล  (Machine Screw)

สกรูเกลียวมิล น็อตเกลียวมิล  (Machine Screw) คือ ชุดอุปกรณ์ยึดที่ใช้เกลียวแบบมิล ซึ่งเป็นมาตรฐานเกลียวที่นิยมใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะในงานเครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ สกรูเกลียวมิล จะมีลักษณะเกลียวละเอียดตลอดตัว ส่วนใหญ่ใช้ร่วมกับน็อตเกลียวมิลที่มีเกลียวภายในตรงกันพอดี เมื่อประกอบกันแล้วจะให้แรงยึดแน่น แข็งแรง และสามารถถอดประกอบได้ง่าย เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและทนทานสูง

ค้นหาสินค้า

สกรูเกลียวมิลเหมาะกับงานอะไรบ้าง?

ด้วยความแม่นยำและมาตรฐานที่สูง สกรูเกลียวมิลจึงถูกนำไปใช้ในงานที่หลากหลายและต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น

  • งานประกอบเครื่องจักรและยานยนต์ สกรูเกลียวมิลเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องยนต์, เครื่องจักรกล และโครงสร้างรถยนต์ เพราะให้ความแข็งแรงและมั่นคงสูง
  • งานอุตสาหกรรม ใช้ในสายการผลิตเพื่อยึดชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างแม่นยำตามมาตรฐาน
  • งานโครงสร้าง ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงและต้องรับแรงดึงหรือแรงเฉือนเป็นจำนวนมาก
  • งาน DIY และงานซ่อมบำรุง สำหรับงานที่ต้องใช้คู่กับน็อตตัวเมีย หรือในงานที่ต้องต๊าปเกลียวในชิ้นงาน

 

วิธีเลือกซื้อสกรูเกลียวมิล

ในการเลือกซื้อสกรูเกลียวมิลให้ถูกต้องและเหมาะสมกับงานนั้น มีหลักการสำคัญที่ควรพิจารณา ดังนี้

  1. ตรวจสอบขนาดของสกรูให้แม่นยำ

เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อสกรูเกลียวมิล เพราะสกรูต้องเข้าคู่กับน็อตตัวเมีย หรือรูเกลียวที่ต๊าปไว้ในชิ้นงานได้อย่างพอดี โดยขนาดของสกรูจะประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง (M) ระบุเป็นหน่วยมิลลิเมตร (mm) เช่น M8, M10, M12 ถ้าไม่แน่ใจ ควรใช้เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) หรือเครื่องมือวัดอื่น ๆ วัดขนาดของรูหรือน็อตตัวเมียที่จะใช้คู่กันให้แน่นอน
  • ระยะพิตช์ (Pitch) คือระยะห่างระหว่างเกลียว ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าสกรูนั้นเป็น เกลียวหยาบ หรือ เกลียวละเอียด ถ้าไม่รู้ระยะพิตช์ ให้ใช้หวีวัดเกลียว (Screw Pitch Gauge) ตรวจสอบ หรือหากไม่มี ก็สามารถนำน็อตตัวเมียไปลองขันกับสกรูที่ร้านได้เลย
    • เกลียวหยาบ เป็นค่ามาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไป
    • เกลียวละเอียด มีระยะพิตช์น้อยกว่า เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง และป้องกันการคลายตัวได้ดี
  • ความยาว วิธีดูความยาวสกรู และวัดขนาดหัวสกรู วัดจากใต้หัวสกรูจนถึงปลาย โดยจะระบุเป็นหน่วยมิลลิเมตรเช่นกัน ควรเลือกความยาวให้เหมาะสมกับการยึดชิ้นงานทั้งสองชิ้นเข้าด้วยกัน 
  1. เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

วัสดุของสกรูมีผลต่อความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน

  • เหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel) เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับงานโครงสร้างและเครื่องจักรทั่วไป
  • เหล็กชุบแข็ง (Hardened Steel) มีความแข็งแรงสูงมาก มักจะมีการระบุเกรดความแข็งแรง เช่น 8.8, 10.9, 12.9 เหมาะสำหรับงานที่ต้องรับแรงหนักเป็นพิเศษ
  • สเตนเลส (Stainless Steel) ทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคาร งานที่ต้องเจอกับน้ำหรือความชื้นเป็นประจำ
  • ทองเหลือง (Brass) ทนสนิมได้ดีและไม่เป็นแม่เหล็ก มีความแข็งแรงน้อยกว่าเหล็ก แต่เหมาะกับงานที่ต้องการความสวยงามหรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องการให้เกิดประกายไฟ
  1. เลือกประเภทของหัวสกรูให้เหมาะกับการใช้งาน

หัวสกรูแต่ละแบบมีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันไป

  • สกรูหัวหกเหลี่ยม (Hex Head) เป็นหัวที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะสามารถขันได้ด้วยประแจหกเหลี่ยม ทำให้ใช้แรงบิดได้สูง
  • สกรูหัวเตเปอร์ (Countersunk Head) หัวสกรูจะจมลงไปเสมอกับผิวงาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสวยงามและความเรียบเนียน
  • สกรูหัวกลม (Round Head) หรือ หัวแฉก (Phillips Head) เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ใช้ไขควงในการขัน

 

หากอ่านจบแล้วยังสับสนเรื่อง สกรูกับน็อตต่างกันยังไง ทีมงาน KACHA พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้คุณได้สินค้าที่ตรงกับงานมากที่สุด แอดไลน์ @kachathai เลย!