
5 วิธีเลือก กระเบื้องกันลื่น มาใช้ในบ้าน อาคาร และโรงงาน
กระเบื้องกันลื่น กระเบื้องที่มีประโยชน์มากกว่าความสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคนในบ้าน
กระเบื้องประเภทนี้ใช้วัสดุอะไรในการผลิต? แต่ละวัสดุต่างกันอย่างไร? รวมถึงมีวิธีเลือกอย่างไรให้ถูกต้อง? ตาม KACHA ไปดูกัน
ขั้น 1 รู้จักกับ ค่ากันลื่น (ค่า R) ก่อน
สิ่งแรกที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนเลือกซื้อกระเบื้องกันลื่น คือ ค่ากันลื่น หรือ ค่า Slip Resistance Rating (ค่า R) ซึ่งเป็น “หน่วยวัดมาตรฐาน” ของกระเบื้อง ซึ่งค่านี้ผ่านการทดสอบด้วยวิธีการตามมาตรฐานสากล เพื่อการใช้กระเบื้องที่เหมาะสม โดยจะมีตั้งแต่ R9 ไปจนถึง R13 (ตัวเลขมาก ยิ่งกันลื่นได้มาก) ดังนี้

1. ค่ากันลื่น R9
เป็นค่าต่ำสุดของพื้นผิวของกระเบื้องกันลื่น ความหนืดอยู่ที่ 3 – 10 องศา เหมาะสำหรับปูพื้นแห้งทั่วไป เช่น ห้องโถง บันไดห้องอาหาร ห้องรับแขก พื้นที่ภายในออฟฟิศ เป็นต้น
2. ค่ากันลื่น R10
เป็นค่ากันลื่นของกระเบื้องที่สามารถกันลื่นได้ปานกลาง ระดับความหนืดอยู่ที่ 10 – 19 องศา เหมาะสำหรับบริเวณพื้นแห้งและเปียก ห้องครัว โรงรถ ห้องน้ำ เป็นต้น
3. ค่ากันลื่น R11
เป็นค่ากันลื่นของกระเบื้องที่กันลื่นได้สูง ระดับความหนืดอยู่ที่ 19 – 27 องศา เหมาะสำหรับบริเวณพื้นที่เปียกน้ำ หรือ พื้นที่ภายนอกอาคาร เช่น ลานซักล้าง ทางลาดชัน บริเวณภายนอกอาคาร บันไดนอกตัวอาคาร ที่จอดรถนอกอาคาร บริเวณรอบสระว่ายน้ำ พื้นห้องน้ำผู้สูงอายุ เป็นต้น
4. ค่ากันลื่น R12
เป็นค่ากันลื่นของกระเบื้องที่กันลื่นได้สูง ระดับความหนืดอยู่ที่ 27 – 35 องศา เหมาะสำหรับพื้นที่ภายนอกที่มีความลาดชันมาก และ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้น้ำมัน เช่น บริเวณรอบสระว่ายน้ำ พื้นที่ภายนอกอาคาร บริเวณลานจอดรถ ห้องครัว หรือโรงอาหารขนาดใหญ่ที่มีการใช้น้ำมัน
5. ค่ากันลื่น R13
เป็นค่ากันลื่นสูงสุดของกระเบื้องที่กันลื่นได้สูงมาก ระดับความหนืดมากกว่า 35 องศา เหมาะสำหรับพื้นที่ภายนอกที่มีความลาดชันมาก และ เหมาะสำหรับบริเวณโรงงานอุตสาหกรรม พื้นที่มีความมันหรือไขมันปริมาณมาก เช่น พื้นที่ภายนอกอาคาร พื้นที่ลาดชันสูง โรงรถ เป็นต้น
**วิธีสังเกตค่า R ของกระเบื้อง ให้ดูจาก “หน้ากล่อง” ที่บรรจุ**
ขั้น 2 เลือก “วัสดุ” กระเบื้องกันลื่น

- กระเบื้องพอร์ซเลน เป็นกระเบื้องกันลื่นที่มีความแข็งแรง ทนทาน และกันรอยขีดข่วนได้ดี มีหลายลวดลายให้เลือก คุณสมบัติเด่น คือ มีความหนาแน่นสูง รูพรุนน้อย อัตราดูดซึมน้ำต่ำ ทำให้ทนทานต่อน้ำและความชื้น รับน้ำหนักได้มาก อีกทั้งยังมีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งแบบเคลือบผิวและไม่เคลือบผิว สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ทั้งเป็นกระเบื้องปูพื้นภายใน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นภายนอก ปูพื้นโรงรถได้ แต่จะมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกันกระเบื้องปูพื้นกันลื่นชนิดอื่น
- กระเบื้องเซรามิก ได้รับความนิยมในการนำมาใช้เป็นวัสดุปูพื้นเช่นกัน แต่จำเป็นต้องเลือกกระเบื้องเซรามิกที่มีผิวสัมผัสที่ช่วยลดปัญหาพื้นลื่น เพราะด้วยคุณสมบัติของกระเบื้องเซรามิกดูดซึมน้ำสูง หากปูกระเบื้องในโซนเปียกต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยลวดลายที่สวยงาม ดูแลรักษาง่าย
- กระเบื้องแกรนิตโต้ มีอัตราการดูดซึมน้ำที่ค่อนข้างต่ำ มีความแข็งแรงทนทาน มีค่า R ที่ค่อนข้างสูง กันลื่นได้ดี มีความมันวาวน้อยกว่ากระเบื้องเซรามิค จะเหมาะกับการใช้งานในห้องน้ำมากที่สุด แต่จะมีข้อจำกัดในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง น้ำหนักที่มากและการติดตั้งที่ยาก
กระเบื้องเซรามิก พอร์ซเลน และแกรนิตโต้ มีพื้นผิวที่เพิ่มการยึดเกาะเมื่อเปียกน้ำ มีความทนทาน กันน้ำ และดูแลรักษาง่าย ควรมองหากระเบื้องที่มีค่าการกันลื่นสูง เช่น กระเบื้องที่มีค่า COF (ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน) เท่ากับ 0.60 หรือสูงกว่า
- กระเบื้องหินธรรมชาติ หากต้องการคุณสมบัติกันลื่น อาจเลือกใช้หินชนวนหรือทราเวอร์ทีนที่มีพื้นผิวที่ขรุขระ เพื่อให้ยึดเกาะได้แต่ต้องมีการปิดผนึก เพื่อป้องกันการเปื้อนและความเสียหายจากน้ำ
- กระเบื้องโมเสก กระเบื้องโมเสกขนาดเล็ก ยึดเกาะได้ดี เนื่องจากมีแนวยาหลายแนวระหว่างกระเบื้อง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเป็นกระเบื้องกันลื่น
- กระเบื้องยาง กระเบื้องยางมีความนุ่มสบาย กันลื่นได้ดี กันน้ำ ทนทาน และทำความสะอาดง่าย จึงเป็นที่นิยมในบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุอาศัยอยู่
- กระเบื้องไวนิล กระเบื้องไวนิลบางชนิดมีพื้นผิวกันลื่น ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้ในพื้นที่เปียกและมีระดับการกันลื่นสูง
ขั้น 3 เลือก “พื้นผิว” กระเบื้องกันลื่น

- กระเบื้องผิวสัมผัสหยาบ (Anti-Slip)
- กระเบื้องผิวสัมผัสเรียบด้าน (Matt)
- กระเบื้องผิวสัมผัสมันวาว (Polish)
- กระเบื้องผิวสัมผัสเงา ไม่มันวาว (Soft polish)
- กระเบื้องผิวสัมผัสกึ่งเงากึ่งด้าน (Hon)
- กระเบื้องผิวสัมผัสด้านขัดเงา (Lappato)
- กระเบื้องผิวสัมผัสสากมาก (Grip)
กระเบื้องปูพื้นจะมีผิวสัมผัสให้เลือกมากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ผิวด้าน, ผิวเรียบ, ผิวมัน, ผิวหยาบ และผิวกึ่งมันกึ่งหยาบ ซึ่งแต่ละผิวสัมผัสจะเป็นตัวช่วยในการกันลื่นได้อีกทางนอกจากการดูค่า R กระเบื้อง แต่กระเบื้องที่มีความหยาบเยอะ ๆ จะมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือการทำความสะอาด เพราะกระเบื้องประเภทนี้จะทำความสะอาดค่อนข้างยาก
ขั้น 4 เลือก “ขนาด” กระเบื้องกันลื่น
ขนาดของกระเบื้องกันลื่นมีหลายขนาดเหมือนกับกระเบื้องทั่วไป ตามมาตรฐานแล้วจะเริ่มต้นที่ 8×8 นิ้ว (20×20 ซม.) 12×12 นิ้ว (30×30 ซม.) 16×16 นิ้ว (40×40 ซม.) 20×20 นิ้ว (50×50 ซม.) 24×24 นิ้ว (60×60 ซม.) 24×48 นิ้ว (60×120 ซม.) 30×60 นิ้ว (75×150 ซม.) 32×64 นิ้ว (80×160 ซม.) 32×32 นิ้ว (80×80 ซม.) ไปจนถึง 36×36 นิ้ว (90×90 ซม.) อย่างไรก็ตามเราต้องคำนวณพื้นที่ให้ดี แล้วซื้อกระเบื้องกันลื่นเผื่อไว้ประมาณ 3 – 5 %
ขั้น 5 เลือก “โทนสี” กระเบื้องกันลื่น

โทนสีและลวดลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาร่วมกับข้ออื่น ๆ เพราะนอกจากกระเบื้องจะมีความแข็งแรง ทนทาน แล้วยังต้องมีความสวยงาม ซึ่งโทนสีและลวดลายนั้นสามารถเลือกได้ตามรสนิยมและดีไซน์การตกแต่งของแต่ละพื้นที่ได้เลย โดยโทนสีและลวดลายนั้นจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน โทนสีอ่อน ลายใหญ่ จะทำให้พื้นที่มีความโปร่งโล่ง แต่เห็นคราบสกปรกง่าย ในทางตรงข้ามกันสีเข้มจะเพิ่มความหรูหรา ลึกลับ อาจทำให้พื้นที่ดูแคบลง แต่ไม่เห็นคราบสกปรกมากเท่ากระเบื้องกันลื่นโทนสีอ่อน ดังนั้นข้อนี้เป็นเรื่องของปัจเจก ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ตามเหมาะสมและความชอบของตนเองได้เลย
จบไปแล้วกับเทคนิคการเลือก กระเบื้องกันลื่น สำหรับบ้าน อาคาร และโรงงาน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแนวทางให้ทุกคนเลือกซื้อกระเบื้องกันลื่นมาใช้ได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรเลือกทีมช่างที่มีประสบการณ์ เพื่อให้อาคารของเรามีพื้นกระเบื้องที่สวยงาม ทนทาน และเรียบเท่ากันทุกแผ่น
บทความอื่นที่น่าสนใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก : SmartBuild
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025
บทความที่น่าสนใจ
พลาสติก PE คืออะไร? รู้จักประเภท คุณสมบัติ และการใช้งานที่ควรรู้
30 กรกฎาคม 2025
พลาสติก PP คืออะไร? รวมคุณสมบัติและการใช้งาน
30 กรกฎาคม 2025
มือใหม่ต้องรู้! หัวไขควงแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง ใช้ต่างกันยังไง
30 มิถุนายน 2025
ไขข้อสงสัย! น็อตคืออะไร น็อตมีกี่ประเภท
30 มิถุนายน 2025
10 อุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ที่ควรมีไว้ติดบ้านก่อนน้ำจะมา
9 มิถุนายน 2025
แม่แรงไฮดรอลิค คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
9 มิถุนายน 2025