สปอร์ตไลท์ LED คืออะไร?
แม้ว่าเราจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของ สปอร์ตไลท์LED แต่ถ้าเราสังเกตคำว่า spot ซึ่งแปลว่าจุด ซึ่งก็หมายถึง การส่องแสงไปที่จุดใดจุดหนึ่ง หรือจุดเดียวและอย่างน้อย ๆ เราก็คงเคยเห็นรูปร่างหน้าตาตัวของสปอร์ตไลท์ledกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตามนิทรรศการต่าง ๆ หรือคอนเสิร์ต ซึ่งในสถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่ต้องการใช้โคมไฟ หรือสปอร์ตไลท์LED เป็นจำนวนมากและต้องการเน้นรายละเอียดต่าง ๆให้ดูโดดเด่น ซึ่งแสงสปอร์ตไลท์LED เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการช่วยเน้นให้สิ่งเหล่านั้นดูโดดเด่นขึ้นมา หรือแม้แต่ภายในโรงละครเอง แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ ก็เป็นตัวช่วยให้ตัวละคร มีความโดดเด่นขึ้นมาได้
โคมสปอร์ตไลท์ LED ถือเป็นโคมไฟให้แสงสว่างที่มีรูปแบบการให้แสงสว่างแบบส่องเน้น สามารถให้แสงสว่างได้ในวงกว้าง จะให้แสงสว่างตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ไฟส่องป้ายโฆษณา ไฟส่องเน้นวัตถุ ไฟส่องอาคาร รวมไปถึงการนำมาติดตั้งเป็นไฟที่ให้แสงสว่างตามลานกว้าง ลานกิจกรรมบนเสาไฟไฮแมส เป็นต้น
ประเภทของสปอร์ตไลท์
เราสามารถแบ่งประเภทของสปอร์ตไลท์ได้เป็น 5 ประเภท จากการผลิตและการใช้งาน ดังนี้
-
หลอด Incandescent
หรือที่เรียกกันว่า หลอดไส้ เป็นหลอดไฟที่ใช้กันมามากกว่า 90 ปี นิยมนำมาใช้ในครัวเรือนถึง 85% ภายในหลอดเป็นไส้ที่ทำจากทังสเตน ให้ความร้อนสูงประมาณ 100-400 องศาเซลเซียส แต่ประสิทธิภาพในให้ความสว่างต่ำ เพียง 10-15 lm/W ดังนั้นเมื่อมีความร้อนสูงมากระหว่างการส่องสว่าง จึงเท่ากับว่ามีการสูญเสียพลังงานมากด้วยเช่นกัน แม้ว่าหลอดประเภทนี้จะมีราคาถูก แต่อายุการใช้งานจะสั้น ประมาณ 750 ชั่วโมง ซึ่งหลอดไส้จะมีหลายวัตต์ และหลายขนาดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน สามารถใช้ได้ทั้ง ภายใน และภายนอก หลอดไส้บางประเภทจะทนทานต่อแสงภายนอก และสามารถทำให้มืดลงได้ตามความต้องการ
-
หลอดฮาโลเจน
มีลักษณะเหมือนกับหลอดไส้ ที่ไส้หลอดทาด้วยทังสเตน แต่บรรจุสารตระกูลแฮโลเจน (Halogen) ซึ่งจะแผ่ความร้อนออกมากจากใยลวดเส้นบางๆ ที่ผลิตจากแก้วหิน รอบล้อมไปด้วยแก๊สแฮโลเจน (Halogen) ที่มีส่วนช่วยรักษาใยลวด เพื่อป้องกันการระเหิดตัวของไส้หลอด มีประสิทธิภาพดีกว่าหลอดไส้ปกติ 2-3 เท่า หรือประมาณ 1500-3000 ชั่วโมง หลอดฮาโลเจน สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก โดยหลอดไฟประเภทนี้ จะให้ความร้อนมากกว่าหลอดไส้ และนิยมใช้ตามสนามบิน และงานส่องเน้น เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด เครื่องฉายสไลด์ เป็นต้น แต่ทั้งนี้หลอดฮาโลเจน จะไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
-
หลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดโซเดียม หลอดแสงจันทร์
นิยมใช้ในการส่องสว่างตามท้องถนน และโรงงานอุตสาหกรรม หลอดไฟประเภทนี้ กินไฟเป็นอย่างมากประมาณ 400-500W และขณะใช้งานจะมีอุณหภูมิของหลอดร้อนมากประมาณ 100-400 องศา ซึ่งมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2-3 ปี
-
หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent)
หรือที่เรียกกันว่า หลอดนิออนหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะมีวิธีการผลิตแสงไฟแตกต่างจากหลอดไส้ และหลอดไฟฮาโลเจน โดยหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะใช้กระแสไฟ เพื่อกระตุ้นก๊าซภายในหลอด ให้ผลิตแสงไฟ ซึ่งหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะไม่สามารถปรับแสงให้สลัวได้ อีกทั้งหลอดไฟประเภทนี้ จะให้ความร้อนมากกว่าหลอดไฟทั้งสองประเภทที่กล่าวมาข้างต้น โดยหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะสามารถประหยัดพลังงานได้ประมาณ 75% แต่ทั้งนี้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็ยังคงไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-
หลอด LED
ย่อมาจาก Light Emitting Diode จะมีลักษณะการให้แสงสว่างที่แตกต่างจากหลอดไฟประเภทอื่นโดยหลอดแอลอีดี จะใช้ไฟปล่อยผ่านไดโอด (แอลอีดี) แทนการกระตุ้นผ่านใยลวดหรือก๊าซ ซึ่งแอลอีดี จะปล่อยพลังงานให้ผ่านสารกึ่งตัวนำ เพื่อผลิตกระแสไฟ หลอดไฟแอลอีดี สามารถปรับระดับการส่องแสงได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังประหยัดพลังงาน เพราะให้ค่าพลังงานไฟฟ้าที่ต่ำ แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ข้อเสียของหลอดประเภทนี้ จะมีราคาแพงมากกว่าหลอดประเภทอื่น แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากกว่าหลอดประเภทอื่น ดังนั้นหลอดไฟประเภทนี้ จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีหลายขนาดทั้งสปอร์ตไลท์LED 50w, สปอร์ตไลท์LED 100w, สปอร์ตไลท์LED 150w, สปอร์ตไลท์LED 200w สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับความต้องการ
แม้ในปัจจุบันราคาของหลอดไฟ LED จะมีราคาสูงกว่าหลอดทั่วไป แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องระยะเวลาการใช้งาน นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อีกทั้งยังมีข้อดีต่าง ๆ เช่น ความประหยัด เพราะใช้พลังงานน้อยมาก แต่ให้ประสิทธิภาพในการส่องสว่างสูง ด้านความสว่าง ที่สามารถส่องสว่างได้ทันทีโดยไม่ต้องกระพริบก่อน ทั้งยังไม่ปล่อยรังสี UV ด้านความคงทน โดยสามารถทำงานได้ยาวนานที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับหลอดชนิดอื่น ๆ และด้านสิ่งแวดล้อม
ประโยชน์ของสปอร์ตไลท์ LED
- ด้านประสิทธิภาพ
สปอร์ตไลท์ LED มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง สามารถให้แสงสว่างได้ในปริมาณมาก และยังมีกำลังไฟให้เลือกที่หลากหลาย เช่น สปอร์ตไลท์LED 50w มีสีให้เลือกหลากหลายทั้ง สปอร์ตไลท์LED แสงส้ม (warmwhite) สปอร์ตไลท์LED แสงขาว (daylight) และสปอร์ตไลท์LED coolwhite โดยไม่ต้องใช้ Filter สี และสามารถเปลี่ยนสีได้ตามความต้องการ และยังช่วยประหยัดพลังงาน โดยใช้ไฟ DC ในแรงต่ำ ทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน
- การให้แสงสว่างเฉพาะพื้นที่
เป็นการให้แสงสว่างที่สอดคล้องกับการใช้งาน โดยจะต้องเลือกใช้โคมไฟ ให้แสงสว่างที่เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีข้อเสียในเรื่องของตำแหน่งพื้นที่ ที่ติดตั้งที่จะต้องตายตัวไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ โดยการติดตั้งการให้แสงสว่างเฉพาะที่นี้ จะเหมาะสำหรับโรงงานที่มีการติดตั้งที่ตายตัว
- การติดตั้งการให้แสงสว่างเฉพาะตำแหน่ง
สำหรับโคมสปอร์ตไลท์ LED จะเป็นการให้แสงสว่างแบบส่องเน้น เช่น การให้แสงสว่างป้ายโฆษณา การให้แสงสว่างอาคารสำนักงาน เพื่อสร้างความสวยงามยามค่ำคืน และสร้างจุดเด่นให้อาคาร และสถานที่ต่าง ๆ ทั้งนี้การให้แสงสว่างในรูปแบบนี้ ไม่ควรมากเกินไป จนกลายเป็นแสงจ้า และเกิดความไม่สบายตาสำหรับผู้พบเห็น
สปอร์ตไลท์LED ใช้ที่ไหนบ้าง?
โดยส่วนมาก เราจะไม่ค่อยเห็นคนใช้สปอร์ตไลท์ ภายในครัวเรือนมากนัก แต่ก็อาจจะมีบ้างในบางกรณีที่ต้องการใช้หรือมีความจำเป็นจริง ๆ หลัก ๆ แล้ว สปอร์ตไลท์ มักจะถูกเลือกให้เป็นไฟที่ใช้ในการจัดแสดงบนเวที ในโรงละคร โอเปร่าเฮาท์ ห้องแสดงคอนเสิร์ต การแสดงบัลเลย์ นิทรรศการ หรือในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสถานที่ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ ล้วนแต่เป็นสถานที่ต้องจัดแสดงสิ่งของ หรือเป็นการแสดงที่ต้องการใช้แสงไฟช่วย เราจึงเลือกที่จะใช้สปอร์ตไลท์LED 50w เข้ามาช่วยในการแสดง หรือจัดแสดงผลงงานต่าง ๆ เพื่อทำวัตถุนั้น หรือการแสดงนั้นให้ดูโดดเด่นขึ้นมา
ความแตกต่างระหว่าง สปอร์ตไลท์LED และฟลัดไลท์LED
หลายคนอาจจะคงยังมีความสงสัยบ้างเล็กน้อย ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่าง สปอร์ตไลท์ และฟลัดไลท์
ทุก ๆ ตัวจะมีความกว้างของลำแสงไม่เกิน 45 องศา เป็นโคมไฟที่ให้แสงแคบไปที่จุด ๆ เดียวแต่ฟลัดไลท์ จะมีความกว้างของลำแสงได้ถึง 120 องศา ให้ความสว่างสูง และกระจายแสงได้เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งหมายความว่าขนาดลำแสงของฟลัดไลท์LED จะมีความกว้างมากกว่า สปอร์ตไลท์LED และสปอร์ตไลท์ LED เหมาะสำหรับการใช้เน้นวัตถุหนึ่งให้ดูโดดเด่นขึ้นมา เช่น การจัดงานนิทรรศการ หรือในพิพิธภัณฑ์ นั่นเอง |
เหมาะสำหรับการให้แสงในบริเวณพื้นที่กว้าง เช่น สนามหญ้า หากเราต้องการเลือกซื้อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน สปอร์ตไลท์LED จะใช้ได้ดีกับกับวัตถุชนิดเดียว แต่ฟลัดไลท์LED จะทำงานได้ดีในพื้นที่ขนาดใหญ่ ทั้ง 2 อย่างนี้ ใช้พลังงานเท่ากัน และให้แสงสว่างได้ใกล้เคียงกัน |
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :
???? เลือกซื้อ โคมไฟโรงงาน เลือกแบบไหนให้มีประสิทธิภาพสุด
???? ขั้วหลอดไฟ มีกี่แบบ? รู้ไว้เพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง