
อัปเดตเมื่อ วันที่ 28 ตุลาคม 2025
เหล็กดำ VS เหล็กรมดำ สีเหมือนกันแต่ต่างกันตรงไหน ควรเลือกแบบไหนดี?
ใครที่กำลังต่อเติมบ้าน หรือกำลังวางแผนเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ต้องใช้ “เหล็ก” อาจจะเคยได้ยินคำว่า เหล็กดำ หรือ เหล็กรมดำ กันมาบ้าง มันฟังดูคล้ายกันเลยใช่ไหมล่ะคะ บางคนก็คิดว่ามันคือเหล็กชนิดเดียวกันเลยด้วยซ้ำ แต่ๆๆๆๆ บอกเลยว่ามันไม่เหมือนกันค่ะ แต่แล้วมันต่างกันยังไง ถ้าจะเลือกใช้ควรเลือกแบบไหนดี? ตามเราไปหาคำตอบกันเลยค่ะ🧐
เหล็กดำ คืออะไร?

เหล็กดำ คือ เหล็กสีดำ เป็น เหล็กที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิม อย่างเช่น การชุบสังกะสี (Galvanize) หรือการชุบโครเมียม
เวลาที่เราพูดถึง เหล็กดำ (บางครั้งก็เรียกว่า เหล็กรูปพรรณดำ, เหล็กรูปพรรณรีดร้อน, หรือ เหล็กโครงสร้าง) ให้เรานึกถึงเหล็กที่เป็นเนื้อเหล็กแท้ ๆ ที่ถูกนำไปหล่อหรือรีดขึ้นรูปออกมาเป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น เหล็กกล่อง สี่เหลี่ยม, เหล็กท่อกลม, เหล็กตัว C, เหล็ก H-Beam, หรือเหล็กฉาก นั่นเองค่ะ
- กระบวนการผลิต: เหล็กดำส่วนใหญ่ผลิตด้วยกระบวนการ “รีดร้อน” (Hot-Rolled Steel) คือการนำเหล็กมาหลอมแล้วรีดขณะที่ยังร้อนอยู่ ผิวของเหล็กจะเกิดเป็นสีดำเข้มตามธรรมชาติจากการสัมผัสอากาศระหว่างการผลิต
- ผิวสัมผัส: ผิวภายนอกของเหล็กดำจะมีความหยาบเล็กน้อย มีสีเข้มอมดำ (ไม่ใช่สีดำสนิทแบบที่ถูกพ่นสี) บางทีอาจมีคราบน้ำมัน หรือคราบออกไซด์ติดอยู่บ้าง
คุณสมบัติเด่นของเหล็กดำ
- แข็งแรง เหล็กดำมีความโดดเด่นในเรื่องของ ความแข็งแรงสูง และ ความสามารถในการรับน้ำหนักได้ดีเยี่ยม ทนทานต่อแรงกระแทกสูง จึงมักถูกใช้เป็นโครงสร้างหลักของอาคาร ตึกสูง หรือโรงงานอุตสาหกรรม
- ราคาที่ถูกกว่าเหล็กที่ผ่านกระบวนการเคลือบอื่น ๆ (เช่น เหล็กกัลวาไนซ์ หรือเหล็กรมดำ) เพราะไม่มีขั้นตอนการเคลือบที่ซับซ้อน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ประหยัดต้นทุน
- หาซื้อง่าย เป็นเหล็กพื้นฐานที่มีขายทั่วไป
ข้อจำกัดที่ต้องรู้ จุดอ่อนของเหล็กดำคือ เกิดสนิมได้ง่าย เพราะไม่มีสารเคลือบป้องกันสนิม ถ้าโดนความชื้นหรือน้ำเมื่อไหร่ อาจจะเกิดสนิมได้ทันที ดังนั้นถ้าจะใช้งานเหล็กดำ อาจต้องมีการทาสีรองพื้นกันสนิม ก่อนทุกครั้ง เพื่อปกป้องผิวเหล็กก่อนจะใช้งานจริงค่ะ
การใช้งานหลัก ๆ ของเหล็กดำ
- งานโครงสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่เน้นความแข็งแรงสูง
- โครงหลังคา เสา คาน โครงเหล็กของบ้าน อาคารพาณิชย์
- งานวิศวกรรมหนัก และชิ้นส่วนเครื่องจักร
- งานที่ต้องทาสีทับหน้าอยู่แล้ว (เพราะยังไงก็ต้องทาสีรองพื้นกันสนิมก่อน)
เหล็กรมดำ คืออะไร?

เหล็กรมดำ (Black Oxide Steel) คือ เหล็กที่ผ่าน กระบวนการรมดำ (Black Oxide Coating) หรือ การเคลือบผิวเหล็กด้วยสารออกไซด์ ให้กลายเป็นสีดำสนิทเพื่อป้องกันสนิมและเพิ่มความสวยงาม
อธิบายง่าย ๆ คือ เหล็กรมดำ ไม่ใช่เหล็กชนิดใหม่ แต่คือ เหล็กดำ หรือโลหะชนิดอื่นๆ ที่ถูกนำไปชุบหรือเคลือบผิวด้วยกรรมวิธี Black Oxide นั่นเองค่ะ!
- กระบวนการผลิต: รมดำ (Black Oxide Coating หรือ Blackening) คือการนำชิ้นงานเหล็กไปจุ่มลงในสารละลายเคมี (มักจะเป็นสารละลายที่เป็นด่างและมีสารออกซิไดซ์)
- ผลลัพธ์ที่ได้: ผิวเหล็กจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี และเปลี่ยนเป็นชั้นออกไซด์สีดำบาง ๆ เคลือบติดอยู่บนผิว ซึ่งชั้นเคลือบนี้จะมีความหนาไม่มาก (ประมาณ 0.00002 ถึง 0.0001 นิ้ว) ไม่ได้ไปเพิ่มความหนาหรือเปลี่ยนแปลงขนาดของชิ้นงานเลยค่ะ
คุณสมบัติเด่นของเหล็กรมดำ
- สีสวยงาม ให้สีดำสนิท สม่ำเสมอ ดูสวยงาม มีความเงาหรือด้านขึ้นอยู่กับสูตรการรมดำ ทำให้ชิ้นงานดูมีราคาสูงขึ้น
- ป้องกันสนิม (ในระดับหนึ่ง) ชั้น Black Oxide ที่เคลือบอยู่จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กดำเปล่า ๆ ค่ะ แต่ความทนทานต่อสนิมในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงอาจจะยังสู้กับเหล็กกัลวาไนซ์ไม่ได้นะคะ แต่ถ้ามีการเคลือบด้วยน้ำมันหรือสารอื่น ๆ ร่วมด้วยหลังรมดำ ก็จะช่วยเพิ่มการป้องกันได้ดีขึ้นมากเลยค่ะ!
- ลดการสะท้อนแสง ผิวสีดำที่ได้จะช่วยลดการสะท้อนของแสง ทำให้เหมาะกับการใช้งานในอุปกรณ์ทางทหาร อุปกรณ์วัด หรือกล้องถ่ายภาพ
- ชั้นเคลือบบาง ถือเป็นข้อดีสุด ๆ สำหรับชิ้นส่วนที่ต้องใช้ความแม่นยำในการประกอบ (เช่น สกรู น็อต หรือชิ้นส่วนเครื่องจักร) เพราะชั้นเคลือบมีความบางมากจนไม่ส่งผลกระทบต่อขนาดของชิ้นส่วน
การใช้งานหลัก ๆ ของเหล็กรมดำ
- งานชิ้นส่วนเครื่องจักร เหล็กรมดำนิยมใช้เคลือบผิว ชิ้นส่วนกลไกหรือชิ้นส่วนเครื่องจักร เช่น แกนเพลา เฟือง ลูกปืนเหล็ก ชิ้นส่วนแม่พิมพ์
- อุปกรณ์ยึดจับและเครื่องมือช่าง (Fasteners & Tools) ใช้เคลือบ น็อต, สกรู, แหวน, ประแจ, คีม, ดอกสว่าน, หรือหัวบล็อก
- ชิ้นงานตกแต่งที่ต้องการผิวสีดำเข้มสวยงาม เช่น ขาโต๊ะ ขาเก้าอี้เหล็ก โครงเหล็กชั้นวางของ มือจับประตู หรือราวแขวน
ความแตกต่างของ เหล็กดำ vs เหล็กรมดำ
เมื่อเรารู้จักกันแล้วว่า เหล็กดำ และ เหล็กรมดำ คืออะไร เราก็สามารถนำมาเปรียบเทียบดูความแตกต่างได้ไม่ยาก เราสรุปความแตกต่างของเหล็กดำและเหล็กรมดำไว้ในภาพดังนี้ค่ะ

| คุณสมบัติ | เหล็กดำ | เหล็กรมดำ |
| ลักษณะผิว | ผิวสีดำเข้มตามธรรมชาติจากการรีดร้อน (Hot Rolled Scale) | เคลือบผิวเหล็กด้วยสารออกไซด์ ให้กลายเป็นสีดำสนิท |
| การป้องกันสนิม | เกิดสนิมได้ง่าย ต้องทาสีรองพื้นก่อนใช้งาน | ป้องกันสนิมได้ในระดับเบื้องต้น ต้องเคลือบน้ำมันร่วมด้วย |
| ความแข็งแรง | ความแข็งแรงสูง (ขึ้นอยู่กับเกรดเหล็ก) เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของเนื้อเหล็กเอง ไม่มีการเคลือบผิวที่ทำให้โครงสร้างเปลี่ยน | ความแข็งแรงไม่เท่าเหล็กดำ |
| เหมาะกับ | งานโครงสร้างที่เน้นความแข็งแรงสูง | งานโครงสร้างรอง งานตกแต่ง |
| ราคา | ต่ำกว่า (เป็นราคาเหล็กดิบ) | ราคาสูงกว่าเหล็กดำ เพราะมีค่าใช้จ่ายในกระบวนการชุบ/เคลือบเพิ่มมา |
การเลือกใช้ เหล็กดำและเหล็กรมดำ ให้ “ถูกงาน” และ “คุ้มค่า”
การเลือกใช้ระหว่างเหล็กดำกับเหล็กรมดำ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของงานของเราเป็นหลักค่ะ
1) ถ้าเน้นโครงสร้างหลัก และ ประหยัดงบ เลือกใช้ “เหล็กดำ”
- ตัวอย่างงาน: โครงสร้างบ้าน อาคาร เสา คาน หลังคาโรงงาน
- ได้ความแข็งแรงเต็มที่ของเนื้อเหล็ก และราคาต่อหน่วยถูกกว่า แต่ต้องไม่ลืมขั้นตอนสำคัญคือการขจัดคราบและทาสีรองพื้นกันสนิมก่อนประกอบติดตั้งทุกครั้งนะคะ!
งานยึดติดที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ (น็อต, สกรู) มักใช้เหล็กดำ หรือก็คือ สกรูดำ นั่นเองค่ะ ชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็ก ๆ แต่สำคัญอย่างสกรู ที่ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรมหนักหรืองานที่ต้องการความปลอดภัยสูง จะเป็นวัสดุเหล็กดำ ยกตัวอย่างเช่น

- สกรูหัวจมหกเหลี่ยม สกรูดํา เกรด 12.9 เป็นสกรูที่ทำจากเหล็กคาร์บอนคุณภาพสูงที่ถูกทำให้แข็งแรงเป็นพิเศษจนได้ เกรด 12.9 ซึ่งซึ่งเป็นเกรดที่มี ความแข็งแรงสูงพิเศษ ทนทานต่อแรงดึงและแรงบิดได้อย่างมหาศาล ไม่บิดงอง่าย เหมาะกับการรับงานหนัก
- เป็นหัวใจสำคัญในงานประกอบเครื่องจักร, ยานยนต์, โครงสร้างที่ต้องการความแน่นหนาและความแม่นยำสูง
ถ้าเน้นความสวยงาม และ ป้องกันสนิมได้เบื้องต้น เลือกใช้ “เหล็กรมดำ”
- ตัวอย่างงาน: ชิ้นส่วนเครื่องจักร, เฟอร์นิเจอร์
- ได้ผิวสีดำสนิทสวยงาม ดูเป็นมืออาชีพ ชั้นเคลือบ Black Oxide ช่วยป้องกันสนิมได้ดีในระดับหนึ่ง โดยไม่ทำให้ขนาดของชิ้นงานผิดเพี้ยนไปจากเดิม
สรุปง่าย ๆ ว่า “เหล็กดำ” คือ เนื้อเหล็ก ที่แข็งแรง ราคาถูก แต่สนิมขึ้นง่าย ใช้กับงานโครงสร้างใหญ่ ๆ ที่ต้องการความแข็งแรง “เหล็กรมดำ” คือ ผิวเคลือบ สีดำบาง ๆ ที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี นั่นเองค่ะ
การเลือกใช้เหล็กให้เหมาะสมกับงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้งานมีคุณภาพและปลอดภัยแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดงบประมาณและเวลาในการบำรุงรักษาได้อีกด้วยนะ! ครั้งหน้าถ้าจะเลือกซื้อวัสดุ ลองดูให้ดีว่างานของเราต้องการแค่ “ความแข็งแรงของเนื้อเหล็ก” หรือต้องการ “ความแข็งแรงพร้อมผิวเคลือบกันสนิมและสวยงาม” ด้วยนะคะ!
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย




