How to ประหยัดค่าไฟ ในช่วง WFH อย่างไรไม่ให้สูงปรี๊ด!

ใคร ๆ ก็อยาก ประหยัดค่าไฟ ยิ่งในช่วง Work from Home คงเป็นหนึ่งในเรื่องกังวลใจของชาวเราวัยทำงาน ที่ต้องนั่งทำงานอยู่ที่บ้านตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ การระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าการนั่งทำงานอยู่ที่บ้านทั้งวัน ทั้งคืน สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอ คือ ค่าไฟฟ้า ที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น จนน่าตกใจ เพราะจะต้องเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ หรือพัดลม เพื่อให้ความเย็นตลอดทั้งวัน เปิดไฟ เพื่อส่องแสงสว่าง และใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เพื่อนั่งทำงาน

วันนี้ KACHA มีทริค ประหยัดค่าไฟ ไม่ให้พุ่งสูงปรี๊ดด! ในช่วง Work from Home มาแชร์เป็นไอเดียให้กับทุก ๆ บ้านกัน

How to ประหยัดค่าไฟ เมื่อต้อง Work from Home ทำอย่างไร?

1. จัดมุมโต๊ะทำงานช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

หลาย ๆ บ้านอาจจะมองข้ามในการจัดมุมโต๊ะทำงาน เพราะส่วนใหญ่แล้ว จะใช้เวลาทำงานในที่ทำงานเป็นหลัก แต่เมื่อสถานการณ์ การระบาดของโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด และเริ่มระบาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ต้องอยู่บ้าน ห้องต่าง ๆ และมุมโต๊ะทำงานที่บ้าน ก็กลายเป็นห้องหลักที่ต้องอยู่อาศัยตลอดทั้งวัน ดังนั้น ควรเลือกมุมทำงานให้มีแสงสว่างที่เพียงพอ โดยการตั้งโต๊ะทำงานไว้บริเวณที่มีแสงสว่าง โดยเฉพาะแสงธรรมชาติ เช่น บริเวณหน้าต่าง หรือบริเวณมุมนอกบ้านที่มีชายคา เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองค่าไฟระหว่างวัน

210707-Content-ทริค-ประหยัดค่าไฟ-ช่วง-Work-from-home-ทำได้อย่างไร02

2. เปลี่ยนหลอดไฟธรรมดา เป็นหลอดไฟ LED

ไฟเพดาน เป็นจุดที่เปิดบ่อย หรือเปิดตลอดทั้งวัน เมื่อต้องนั่ง Work From Home หากบ้านไหนยังใช้หลอดไฟแบบธรรมดาอยู่ แนะนำให้ลองเปลี่ยนเป็นหลอดไฟ LED เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากกว่าหลอดไฟแบบธรรมดาแล้ว ยังให้แสงสว่างมากกว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และแม้ว่าจะเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED แล้ว การให้ความสำคัญกับการตั้งเวลาใช้ไฟในห้องทำงานในแต่ละวัน เป็นอีกหนึ่งทริคประหยัดไฟ ที่สำคัญเช่นกัน เช่น เปิดไฟในช่วงเวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-18.00 น.

210707-Content-ทริค-ประหยัดค่าไฟ-ช่วง-Work-from-home-ทำได้อย่างไร03

3. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม

อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมที่หลาย ๆ บ้านนิยมตั้งไว้ระหว่างวัน คือ 25 องศาเซลเซียส เพราะจะช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ตลอดทั้งวัน แต่รู้หรือไม่ ทําอย่างไรให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น เพียงปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศา เป็น 26 องศา จะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้ถึง 10%และอย่าลืมทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศบ่อย ๆ ด้วย หรืออีกกรณี คือ เลือกเปิดทั้งพัดลม และเครื่องปรับอากาศ โดยปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ 27-30 องศาเซลเซียส ก็เป็นอีกหนึ่งทริคประหยัดไฟ โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศลง เพราะการปรับอุณหภูมิให้ต่ำลงนั้น เครื่องปรับอากาศจะทำงานหนักเกินไป เนื่องจากอุณภูมิภายนอกสูงกว่าภายในบ้าน

210707-Content-ทริค-ประหยัดค่าไฟ-ช่วง-Work-from-home-ทำได้อย่างไร04 edit

4. ปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดพัดลมแทน เมื่ออากาศไม่ร้อนมาก

หากอุณหภูมิ หรืออากาศระหว่างวันไม่ร้อนมากนัก การเปิดพัดลมไม่ว่าจะเป็นพัดลมตั้งพื้น หรือพัดลมเพดาน แทนเครื่องปรับอากาศ จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และสบายมากขึ้น รวมถึงการเปิดหน้าต่างช่วย เพื่อรับลมธรรมชาติ และแสงสว่างภายนอกให้เข้ามาในตัวบ้าน จะช่วยให้ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ดีเช่นกัน

5. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้เปิดใช้งาน หรือไม่จำเป็น

หลาย ๆ บ้านยังคงเข้าใจผิดว่าการกดปิดสวิตซ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จะช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การปิดเพียงสวิตซ์ กระแสไฟฟ้า จะยังคงไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ การถอดปลั๊กไฟจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตัดกระแสไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อไม่ได้ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว โทรทัศน์ แล้วควรถอดปลั๊กออกทุกครั้ง นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังปลอดภัยต่อการใช้งานอีกด้วย

210707-Content-ทริค-ประหยัดค่าไฟ-ช่วง-Work-from-home-ทำได้อย่างไร05 edit

หรือแม้แต่อุปกรณ์ทำงานอย่าง โน๊ตบุ๊ค หากไม่ได้ใช้งานแนะนำให้ตั้งเป็น Sleep Mode เมื่อต้องเปิดโน๊ตบุ๊คทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่ รวมถึงถอดปลั๊กโน๊ตบุ๊ทำงาน เมื่อยังมีแบตเตอรี่ให้ใช้งานอย่างเพียงพอด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วโน๊ตบุ๊คสามารถใช้งานโดยไม่เสียบปลั๊กได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก็แสดงว่าจะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าภายในบ้านได้ถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

6. เปิดใช้ไฟเฉพาะจุดที่นั่งทำงาน

นั่งทำงานบริเวณไหน ให้เปิดใช้ไฟเฉพาะบริเวณนั้น โดยไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ไฟทั้งบ้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home ตลอดทั้งเดือน

7. จัดระเบียบตู้เย็น ด้วยกล่องจัดระเบียบ

ช่วง Work From Home นอกจากจะต้องนั่งทำงานตลอดทั้งวันแล้ว ก็ยังต้องหาอาหาร และเครื่องดื่มกินตลอดทั้งวันด้วยเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ บ้านก็มักจะตุนอาหารที่จำเป็นต้องรับประทานระหว่างวันไว้ในตู้เย็นอย่างแออัด โดยไม่ได้จัดสรรพื้นที่ให้เป็นระเบียบจนทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก ดังนั้น การหากล่องจัดระเบียบในตู้เย็นมาเป็นตัวช่วยให้ตู้เย็นทำงานน้อยลง แถมยังได้พื้นที่จัดเก็บอาหารเพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งทริคประหยัดไฟ ได้ไม่น้อยเลย และอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home คือ ไม่ควรเปิด-ปิดประตูตู้เย็นบ่อย ๆ เพราะตู้เย็นจะยิ่งทำงานหนัก และกินไฟบ้าน

210707-Content-ทริค-ประหยัดค่าไฟ-ช่วง-Work-from-home-ทำได้อย่างไร06 edit

8. ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

เมื่อต้องใช้เวลา Work From Home อย่าลืมสังเกต และตรวจสอบสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านที่จำเป็นต้องใช้งานระหว่างวันว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ด้วย เพราะหากอุปกรณ์ต่าง ๆ เกิดการชำรุดควรรีบซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง หรือเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home

แม้ว่า การระบาดของโควิด-19 จะแพร่กระจาย  และส่งผลกระทบให้ชาวเราวัยทำงาน ต้องหันมาปรับพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน จนสร้างความกังวลใจ และเป็นปัญหาหนักใจเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน จนต้องหาวิธี ประหยัดค่าไฟ ช่วง Work from Home จากบทความที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็ถือเป็น ทริคประหยัดไฟ ที่ทุกบ้านสามารถทำเองได้ไม่ยาก และสามารถทำได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ใช่ช่วง Work from Home เพื่อช่วยลดภาระค่าค่าไฟฟ้าไม่ให้พุ่งสูงได้ ในระยะยาวได้เลย

สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย